ธปท. ชี้เงินบาทเคลื่อนไหว 2 ทิศทางตามนโยบายเฟด-เศรษฐกิจจีนฟื้นตัว

เงินบาท

ธปท.เผยเงินบาทเคลื่อนไหว 2 ทิศทางสอดคล้องกับสกุลเงินในภูมิภาค ตามปัจจัยความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินสหรัฐ-เศรษฐกิจฟื้นตัว หนุนเงินดอลลาร์แข็งค่า 1.2% และเงินบาทอ่อนค่า 1.5% ด้านฟันด์โฟลว์ไหลออกสุทธิ 2 พันล้านดอลลาร์ แนะภาคเอกชนป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน

วันที่ 8 มีนาคม 2566 นางสาวพิมพ์พันธ์ เจริญขวัญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าในช่วงที่ผ่านมา เงินบาทและสกุลเงินภูมิภาคเคลื่อนไหวผันผวนทั้ง 2 ทิศทางตามภาวะตลาดการเงินโลก จากปัจจัยความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในการดำเนินนโยบายการเงินสหรัฐ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหลังการเปิดประเทศ

ทั้งนี้ การแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการประจำวุฒิสภาในช่วงข้ามคืนเป็นการส่งสัญญาณว่า FED อาจขึ้นดอกเบี้ยได้เร็วและมากกว่าคาด หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังสะท้อนความแข็งแกร่งและเงินเฟ้อยังทรงตัวในระดับสูง

ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า FED อาจกลับมาดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น และทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐปรับแข็งค่าขึ้น 1.2% ขณะที่เงินบาทปรับอ่อนค่าลง 1.5% ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของเงินสกุลภูมิภาคที่อ่อนค่าระหว่าง 0.3%-1.7%

ด้านเงินทุนเคลื่อนย้ายโดยรวมตั้งแต่ต้นปี 2566 นักลงทุนต่างชาติมีฐานะขายสุทธิในสินทรัพย์ไทยประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์ โดยเป็นการขายสุทธิในตลาดพันธบัตรที่ 1.2 พันล้านดอลลาร์ และตลาดหุ้น 0.8 พันล้านดอลลาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 3 มี.ค. 2566)

ในระยะข้างหน้า ตลาดการเงินโลกและค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มผันผวนสูงโดยเคลื่อนไหวได้ทั้ง 2 ทิศทาง จากการปรับเปลี่ยนการดำเนินนโยบายการเงินของสหรัฐ และความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ทั้งนี้ ภาคเอกชนจึงควรพิจารณาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดการเงินที่ยังคงอยู่ในระดับสูง