จับตาเงินเฟ้อ CPI สหรัฐ-อีซีบีขึ้นดอกเบี้ย 0.50% หนุนเงินบาทอ่อนค่า

ค่าเงินบาท ดอลลาร์ ค่าเงิน

แบงก์ประเมินกรอบงินบาทเคลื่อนไหว 34.50-35.60 บาทต่อดอลลาร์ จับตาตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐ หนุนเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อ คาดอีซีบี ปรับดอกเบี้ยขึ้น 0.50% เป็น 3% หนุนฟันด์โฟลว์ไหลออกสุทธิ

วันที่ 12 มีนาคม 2566 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 13-17 มีนาคม 2566) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 34.50-35.25 บาทต่อดอลลาร์ โดยแนวโน้ม sideways UP จับตาแนวต้านแรก 35.25 บาทต่อดอลลาร์ 

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือ รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่อาจกระทบต่อการตัดสินใจปรับดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมเดือนมีนาคมได้ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามภาพเศรษฐกิจสหรัฐ ผ่านรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนกุมภาพันธ์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งข้อมูลที่น่าสนใจคือ คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระยะสั้นและระยะกลาง

นอกจากนี้ ตลาดจะรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งตลาดมองว่าอีซีบีอาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก +0.50% สู่ระดับ 3.00% (Deposit Facility Rate) ขณะเดียวกัน ตลาดจะจับตาภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหลังการผ่อนคลายมาตรการ Zero COVID ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือน อาทิ ยอดค้าปลีก (Retail Sales) และยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production)

“ปัจจัยกดดันให้ตลาดการเงินยังคงผันผวนคือ ความกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะขึ้นกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐ ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่รีบเพิ่มสถานะการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ดี ในเชิงเทคนิคัล ดัชนี SET แม้จะอยู่ในช่วงปรับฐาน แต่เริ่มมีโอกาสเกิดสัญญาณ RSI Bullish Divergence ซึ่งอาจชี้ว่าดัชนีมีโอกาสกลับตัว หรือเริ่มแกว่งตัว sideways ทำให้แรงขายหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติอาจเริ่มชะลอลงได้”

สำหรับกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าตลาดหุ้นขายสุทธิ 1 หมื่นล้านบาท และตลาดพันธบัตร (บอนด์) ซื้อสุทธิ 9.2 พันล้านบาท ทั้งนี้ มองฟันด์โฟลว์ระยะข้างหน้า คาดว่าทั้งตลาดหุ้นขายราว 1-2 พันล้านบาท และบอนด์ซื้อสุทธิ 1-2 พันล้านบาท 

“ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติเริ่มเป็นภาพขายสุทธิที่ชะลอลง โดยฟันด์โฟลว์ในฝั่งบอนด์เริ่มกลับมาเป็นฝั่งซื้อสุทธิ โดยเฉพาะในส่วนของบอนด์ระยะสั้น อย่างไรก็ดี ฟันด์โฟลว์หุ้นยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นทิศทางไหลออกสุทธิอยู่บ้าง”

นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ธนาคารประเมินกรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 13-17 มีนาคม 2566) เคลื่อนไหวอยู่ที่ 34.60-35.40 บาทต่อดอลลาร์ 

โดยปัจจัยต้องติดตามจะเป็นดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์ของสหรัฐ คาด +6.0% ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงจากเดือนมกราคม รวมถึงยอดค้าปลีกสหรัฐ และผลการประชุมดอกเบี้ยธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) 

ทั้งนี้ คาดว่ากระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายจะชัดเจนขึ้นหลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐออกมา (14 มี.ค.) ทั้งนี้ สัปดาห์ล่าสุดนักลงทุนต่างชาติเดินหน้าขายหุ้นไทยราว 1 หมื่นล้านบาท แต่มีแรงซื้อพันธบัตรกลับเข้ามา 9 พันล้านบาท

“แม้ตำแหน่งการจ้างงานเดือน ก.พ.สูงกว่าคาด แต่การเติบโตของค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงชะลอลง ทำให้ตลาดไม่แน่ใจว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% หรือ 0.5% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค.นี้”