กรุงศรีประเมินกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 34.30-35.00 บาท/ดอลลาร์ 

กรอบเงินบาท
ภาพจาก PIXABAY

กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 34.30-35.00 บาทต่อดอลลาร์ ชี้เป็นจังหวะที่ยากขึ้นสำหรับเฟด ตัดสินใจทิศทางดอกเบี้ย 21-22 มี.ค.นี้

วันที่ 13 มีนาคม 2566 นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า กรุงศรี มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ (13-17 มี.ค.) ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.30-35.00 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 35.03 บาท/ดอลลาร์

ขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินยูโร เยนและฟรังก์สวิสในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินที่มีความเชื่อมโยงสูงกับเศรษฐกิจโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์

โดยในช่วงต้นสัปดาห์ค่าเงินดอลลาร์ได้แรงหนุนจากการทบทวนแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐที่ยกสูงขึ้นหลังประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดโอกาสสำหรับการกลับไปขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งละ 50bp ขณะที่กระบวนการลดลงของเงินเฟ้อ (Disinflationary Process) เชื่องช้าเกินไป

อย่างไรก็ดี อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐดิ่งลงอย่างมีนัยสำคัญในเวลาต่อมาท่ามกลางความตึงเครียดในภาคการเงินสหรัฐ ส่วนข้อมูลเดือน ก.พ.บ่งชี้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากค่าจ้างชะลอลง ขณะที่อัตราการมีส่วนร่วมของกำลังแรงงาน (Labor Force Participation) กระเตื้องขึ้น

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 10,381 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตร 9,116 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะติดตามดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ก.พ.ของสหรัฐ รวมถึงการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 50 bp สู่ระดับ 3.00% อนึ่ง ในภาพใหญ่การสั่งปิด Silicon Valley Bank

ซึ่งถือเป็นการล้มละลายของธนาคารรอบล่าสุด สะท้อนความเปราะบางด้านสภาพคล่องจากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของดอกเบี้ยในปีที่ผ่านมา แม้ในเวลานี้ยังไม่ใช่ความเสี่ยงเชิงระบบอย่างเต็มรูปแบบ โดยการเข้าแทรกแซงภาคการเงินของทางการสหรัฐอาจช่วยระงับความตื่นตระหนกช่วงสั้น

อย่างไรก็ตาม พัฒนาการของตลาดการเงินโลกสนับสนุนมุมมองเชิงบวกต่อค่าเงินเยนของกรุงศรีในปีนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกย่อลงและความผันผวนสูงขึ้น แม้ในการประชุมครั้งล่าสุดธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะคงนโยบายผ่อนคลายมากเป็นพิเศษก็ตาม


“สินทรัพย์สกุลเงินตลาดเกิดใหม่รวมถึงเงินบาท เราประเมินอย่างระมัดระวัง ว่าแรงขายดอลลาร์จากประเด็นที่เฟดมีแนวโน้มจะลดความแข็งกร้าวในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. (จากกรณีความเสี่ยงด้านเสถียรภาพของระบบ) อาจถูกจำกัดด้วยความวิตกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในระยะถัดไป ซึ่งมีความไม่แน่นอนเพิ่มสูงขึ้น”