บลจ.เอ็กซ์สปริง ตั้งเป้า AUM ปี’66 โต 10% แตะหมื่นล้านบาท

บลจ.เอ็กซ์สปริง

บลจ.เอ็กซ์สปริง ตั้งเป้า AUM เติบโต 10% แตะที่ระดับ 1.2-1.5 หมื่นล้านบาท  เผยแผนออกกองทุนรวม 3 กองทุนปีนี้ เน้นสินทรัพย์นอกตลาด ตราสารหนี้คุณภาพดี ด้านหุ้นไทยมองสิ้นปี’66 ที่ระดับ 1,730 จุด เเนะหุ้นได้อานิสงค์ท่องเที่ยว-เลือกตั้ง

วันที่ 24 มีนาคม 2566 นายยศกร ฟอลเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ XSpring AM กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ปีนี้มีโอกาสเติบโตมากกว่า 10% แตะที่ระดับ 1.2-1.5 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปี 2565 ที่ AUM เติบโตอยู่ที่ 9.3 พันล้านบาท

พร้อมตั้งเป้าหมายสินทรัพย์ภายใต้คำแนะนำลงทุน (AUA) ปีนี้เติบโตแตะที่ระดับ 3-4 พันล้านบาท จากสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 300 ล้านบาท สาเหตุที่ AUA อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากพึ่งเริ่มธุรกรรมดังกล่าวเมื่อช่วงเดือน ส.ค.2565 ที่ผ่านมา โดยปีนี้บริษัทรุกตลาดการนะนำการลงทุนมากขึ้น

สำหรับการเติบโตของ AUM ปีนี้ จากการการรุกตลาดส่วนบุคลประเภทสหกรณ์ต่าง ๆ มากขึ้น ที่ผ่านมาบริษัทได้มีโอกาสเข้าไปบริหารเงินให้กับมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์วงเงินรวมประมาณ 2,000 ล้านบาท และในปีนี้บริษัทมีโอกาสปิดดีลเพิ่มจากจุฬาฯเพิ่มเติมเช่นกัน คาดว่าอยู่ในวงเงินที่ 5,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนออกกองทุนรวมใหม่ ๆ เพิ่มเติมอีก 3 กองทุน เน้นลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด ตราสารหนี้คุณภาพดี เป็นต้น รวมถึงการเพิ่มผู้เชี่ยวชาญแนะนำการลงทุนอีก 40 คน จากเดิมมีอยู่ประมาณ 16 คน พร้อมเพิ่มผู้แนะนำลงทุนอิสระจาก 10 รายในปัจจุบันเป็น 50 คน รวมถึงการเพิ่มพันธมิตร บลจ.เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มข่องทางการลงทุนให้กับนักลงทุนให้หลากหลาย

นายยศกรกล่าวต่อว่าว่า สำหรับทิศทางการลงทุน XSpring AM ยังชอบตลาดหุ้นไทยกว่าตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมองกรอบดัชนีระยะสั้นดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ระดับ 1,520-1,5801 จุด ส่วนกรอบดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 2566 อยู่ที่ระดับ 1,730 จุด

โดยมองตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกทั้งนักท่องเที่ยวกลับมาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อเสรษฐกิจไทยให้กับมาฟื้นตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีการประกาศเลือกตั้งอย่างเป้นทางการในวันที่ 14 พ.ค. 2566 ทำให้ตลาดหุ้นไทยขานรับกับประเด็นดังกล่าวค่อนข้างมาก เชื่อว่า หลังจากจบการเลือกตั้งและไม่มีประเด็นอะไรเข้ามากระทบผลเลือกตั้ง หุ้นไทยช่วง 3-6 เดือนหลังเลือกตั้งมองว่าจะมีอัพไซด์ประมาณ 10% และมีโอกาสที่เงินลงทุนจากต่างประเทศ (ฟันด์โฟลว์) จะไหลกลับเข้ามายังตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น

ดังนั้น ช่วงนี้นักลงทุนสามารถทยอยลงทุนให้หุ้นที่มีคุณภาพ สำหรับกลุ่มหุ้นเด่นรับอานิสงส์การกลับมาของนักท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฟื้น เน้นหุ้นกลุ่มสายการบิน โรงแรม โรงพยาบาล บริโภค ส่วนหุ้นไทยที่เหมาะลงทุนรับเลือกตั้ง ได้แก่ หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม, สื่อสาร ก่อสร้างและพาณิชย์