AIS-โลตัส-แอร์เอเชีย ขายหุ้นกู้เดือน เม.ย.นี้ ดอกเบี้ยสูงสุด 7%

หุ้นกู้

ส่อง 3 บริษัทใหญ่ชื่อดัง “AIS-โลตัส-แอร์เอเชีย” เสนอขายหุ้นกู้ในเดือน เม.ย.นี้ ดอกเบี้ยสูงสุด 7%

วันที่ 1 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระแสของการเปิดขายหุ้นของธุรกิจขนาดใหญ่ยังคงมีออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ซึ่งต่างได้รับความสนใจจากบรรดานักลงทุนเป็นอย่างมาก  ล่าสุดเดือนเมษายน 2566  เบื้องต้นมี 3 บริษัทใหญ่ชื่อดังที่ประกาศระดมทุนเปิดขายหุ้นกู้ คือ บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ประกอบกิจการห้างค้าปลีก “โลตัสส์” , บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS (ADVANC)  และ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด (TAA)

โลตัสส์ เสนอขาย 5 ชุด 17-19 เม.ย.นี้

คาดว่าออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน เสนอขายให้แก่เสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป (ไม่รวมถึงบุคคลธรรมดาที่จองซื้อในฐานะผู้ลงทุนสถาบัน) หุ้นกู้ดังกล่าวแบ่งออกเป็นดังนี้

  • ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 6 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2567 อัตราดอกเบี้ย 2.80-2.95% ต่อปี
  • ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2569 อัตราดอกเบี้ย 3.20-3.30% ต่อปี
  • ชุดที่ 3 อายุ 5 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2571 อัตราดอกเบี้ย 3.50-3.60% ต่อปี
  • ชุดที่ 4 อายุ 8 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2574 อัตราดอกเบี้ย 3.75-3.85% ต่อปี
  • ชุดที่ 5 อายุ 10 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2576 อัตราดอกเบี้ย 4.00-4.15% ต่อปี

เปิดให้จองซื้อในระหว่างวันที่ 17 – 19 เมษายน 2566 จัดอันดับความน่าเชื่อถือโดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565  โดยองค์กรจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ “A+” และหุ้นกู้จัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ “A+”แนวโน้ม “A+”

โดยบริษัทมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ นำไปชำระเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินในประเทศและต่างประเทศ เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยเงินกู้ยืมดังกล่าวมีกําหนดชําระคืนภายใน 3 ปี นับจากวันกู้ยืม (วันที่ 21 ตุลาคม 2567) และไม่มีหลักทรัพย์คํ้าประกัน ซึ่งประกอบด้วย

  1. เงินกู้ยืมจํานวน 1,700 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ  ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ย LIBOR 3 เดือน บวกร้อยละ 1.95 ต่อปี
  2. เงินกู้ยืมจํานวน 26,000 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ย MLR ลบ ร้อยละ 2.25 ต่อปี สําหรับธนาคารที่เป็นผู้จัดการการจัดจําหน่ายหุ้นกู้ และให้สินเชื่อเงินกู้ยืมระยะยาวแก่บริษัทฯ มีมูลหนี้รวม 24,400 ล้านบาท และ 99 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน) ,ธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน) ,ธนาคารทหารไทยธนชาต จํากัด (มหาชน) , ธนาคารยูโอบี จํากัด (มหาชน) และ United Overseas Bank Limited

ปัจจุบัน บมจ. เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม  ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำ และบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ “โลตัส” (Lotus’s) ถือเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกแบบออมนิแชนแนล ที่มีช่องทางจัดจำหน่ายหลายรูปแบบ โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 “โลตัส” (Lotus’s) มีร้านค้าปลีกจำนวน 2,578 แห่งทั่วประเทศไทย ประกอบด้วยร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต 223 แห่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต 202 แห่ง และมินิซูเปอร์มาร์เก็ต 2,153 แห่ง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า โดยมีพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า 200 แห่ง (ไม่รวมศูนย์การค้าที่มีการลงทุนโดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าโลตัสส์ รีเทล โกรท หรือ LPF จำนวน 23 แห่ง) มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิถาวรรวมประมาณ 806,081 ตารางเมตร โดยมีร้านไฮเปอร์มาร์เก็ตของ “โลตัส” (Lotus’s) เป็นร้านค้าหลัก โดยในจำนวนศูนย์การค้าทั้งหมด บริษัทฯ ถือกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าจำนวน 70 แห่ง ขณะที่อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ของศูนย์การค้าอยู่ที่ประมาณ 90% และบริษัทฯ ถือหน่วยลงทุน 25% ในกองทุนรวม LPF ที่ลงทุนในศูนย์การค้า 23 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งมีพื้นที่ให้เช่าสุทธิถาวรรวมประมาณ 339,700 ตารางเมตร

ทั้งนี้ ผลประกอบการในปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 183,791.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ซึ่งสะท้อนสัญญาณในทิศทางบวกจากการฟื้นตัวกลับมาของธุรกิจ อันเป็นผลจากการที่สามารถเปิดให้บริการศูนย์การค้าได้ตามปกติ และประชาชนมีความต้องการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น

AIS ขาย 3 รุ่น รอเคาะดอกเบี้ย

คาดว่าออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ (โดยไม่รวมถึงบุคคลธรรมดา) หุ้นกู้ดังกล่าวแบ่งออกเป็นดังนี้

  • ชุดที่ 1 อายุ 5 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2571 อัตราดอกเบี้ย [ ]% ต่อปี
  • ชุดที่ 2 อายุ 7 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2573 อัตราดอกเบี้ย [ ]% ต่อปี
  • ชุดที่ 3 อายุ 10 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2576 อัตราดอกเบี้ย [ ]% ต่อปี

เปิดให้จองซื้อในเดือนเมษายน 2566  จัดอันดับความน่าเชื่อถือโดย บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566  องค์กรจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ “AA+(tha)” และหุ้นกู้จัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ “AA+(tha)”

โดยบริษัทมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ดังนี้ 1. เพื่อชำระคืนหุ้นกู้ของ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด ครั้งที่ 1/2559 ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอน ปี พ.ศ. 2566 (AWN235A) ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566 2. เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

ปัจจุบัน บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ประกอบธุรกิจหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในปี 2565 มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 1.9 ล้านราย ทำให้ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์มือถือรวม 46 ล้านเลขหมาย ยังคงมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้บริการรายเดือน  ในส่วนของการให้บริการ 5G ที่วันนี้มีลูกค้าอยู่ที่ 6.8 ล้านราย เติบโตก้าวกระโดดจาก 2.2 ล้านราย ในปี 2564 ด้วยการพัฒนาคุณภาพให้บริการบนเครือข่าย 5G ที่เร่งขยายโครงข่ายครอบคลุม 85% ของพื้นที่ประชากรทั่วประเทศ และมากกว่า 99.95% ในพื้นที่กรุงเทพฯ

ด้านธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เอไอเอส ไฟเบอร์ มีรายได้เติบโตกว่า 19% ในปี 2565 นับเป็นการเติบโตเหนืออุตสาหกรรม ด้านลูกค้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่า 390,000 ราย ทำให้ลูกค้ารวมอยู่ที่ 2.2 ล้านราย ครองส่วนแบ่งการตลาดที่ 16%

ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร เป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทั้งในมุมการรับรู้ที่ AIS Business ครองแชมป์อันดับ 1 ผู้ให้บริการสำหรับองค์กรและธุรกิจ ด้านธุรกิจดิจิทัลเซอร์วิส ยังคงมุ่งนำศักยภาพด้านดิจิทัลเทคโนโลยี มาออกแบบบริการดิจิทัลที่สอดรับกับพฤติกรรมของลูกค้าและคนไทย

ทั้งนี้ ผลประกอบการปี 2565 มีกำไรสุทธิ 26,011 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 3.4% ส่วนรายได้รวม 185,485 ล้านบาท เติบโต 2.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน

แอร์เอเชีย จ่ายดอกสูง 7% ขาย 24-26 เม.ย.

คาดออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน ซึ่งผู้ออกมีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด อายุ 2 ปี ดอกเบี้ย 7.00% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่

โดยมีผู้ค้ำประกัน คือ บริษัท เอเชีย เอวิชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 100% ตกลงเป็นผู้ค้ำประกันการชำระเงินต้น ดอกเบี้ย และจำนวนเงินอื่นใดที่บริษัทต้องชำระภายใต้ข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้

เปิดให้จองซื้อในระหว่างวันที่ 24-26 เมษายน 2566 จัดอันดับความน่าเชื่อถือโดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด  องค์กรจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ “BB” และหุ้นกู้ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ

โดยบริษัทมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ เพื่อชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนมิถุนายน 2566 และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

โดยปัจจุบัน ไทยแอร์เอเชีย มีบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด ซึ่งประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2565 มีรายได้รวม 12,498.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 481 เทียบกับปีก่อน (YOY) และร้อยละ 155 เทียบกับไตรมาสก่อน (QOQ)

ซึ่งเมื่อพิจารณาผลประกอบการตลอดปี 2565 บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น มีรายได้รวม 18,290.8 ล้านบาท โดยมีค่าใช้จ่ายรวม 26,766.4 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและตราสารอนุพันธ์จำนวน 1,460.0 ล้านบาท ทำให้รายงานผลขาดทุนสุทธิ 8,214.4 ล้านบาท

ผลประกอบการปี 2565 ดีขึ้นกว่าปี 2564 ที่มีผลขาดทุน 11,958.0 ล้านบาท บรรลุเป้าหมายขนส่งผู้โดยสารตลอดปีรวม 9.95 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขนส่งผู้โดยสารเพียง 2.93 ล้านคน มีอัตราขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ร้อยละ 84

นอกจากนี้ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด ยังเน้นเรื่องการเติบโตอย่างยั่งยืน ชูแผนปฏิบัติการบินสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปีที่ผ่านมามากกว่า 7,000 ตัน หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นโกงกางใบใหญ่กว่า 514,000 ต้น รวมทั้งร่วมโครงการวิภาวดีฯ ไม่มีขยะ สำหรับการจัดการขยะไม่อันตราย ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง