MGC ผู้จำหน่ายรถหรู ลุยขายหุ้นไอพีโอ 280 ล้านหุ้น

MGC

“มิลเลนเนียม กรุ๊ป” หรือหุ้น MGC ผู้จำหน่ายรถหรู เดินหน้าเสนอขายหุ้นไอพีโอ 280 ล้านหุ้น นำเงินลงทุน “อัลฟา เอกซ์-ชำระเงินกู้สถาบันการเงิน-เงินทุนหมุนเวียน” รองรับการเติบโตในอนาคต

วันที่ 3 เมษายน 2566 นายวราห์ สุจริตกุล ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นไอพีโอของ บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC ว่า มิลเลนเนียม กรุ๊ปฯ MGC-ASIA ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นไอพีโอจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว

MGC ขายหุ้นไอพีโอ 280 ล้านหุ้น

และอยู่ระหว่างพิจารณากำหนดช่วงเวลาและราคาที่จะเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) รวมไม่เกิน 280 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน  25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้

ทั้งนี้สำหรับ MGC มีแบรนด์ยานยนต์ชั้นนำอย่าง Rolls-Royce BMW และ MINI ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน รวมถึงมีบริการหลังการขาย ศูนย์ซ่อมบำรุงอิสระ บริการทางการเงิน ประกันภัย และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องครบวงจร

นอกจากนี้ยังมีโอกาสในการเติบโตจากการได้รับสิทธิที่จะลงทุนในแบรนด์ Peugeot, Jeep และ Maserati ซึ่งเป็นแบรนด์ภายใต้กลุ่ม Stellantis รวมไปถึงแบรนด์ Aston Martin ผนวกกับสภาพอุตสาหกรรมที่เริ่มกลับสู่สภาวะปกติ การเพิ่มขึ้นของอุปสงค์และอุปทานภายหลังสถานการณ์โควิด-19 โดยบริษัทมีการเตรียมความพร้อมทั้งในด้านสินค้าและบริการเพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกยานยนต์

ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม MGC ผู้นำธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ ‘Lifestyle Mobility Ecosystem’ ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 20 ปี กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทมุ่งพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ ภายใต้ชื่อ ‘MGC-ASIA Ecosystem’ สร้างการเติบโตอย่างมั่นคงให้แก่กลุ่มธุรกิจหลัก

ADVERTISMENT

โดยการขยายสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง ให้ครอบคลุมทุกวงจรการใช้บริการของลูกค้า และการแสวงหาโอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ ทั้งจากการร่วมมือภายในกลุ่มบริษัทฯ และพันธมิตรชั้นแนวหน้าในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในระยะยาว

ภายใต้ระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่ม MGC-ASIA มีสินค้าและบริการที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการให้ลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ประกอบด้วย ธุรกิจจำหน่ายรถยนต์และบิ๊กไบค์ระดับโลก ได้แก่ Rolls-Royce, BMW, MINI, Honda, BMW Motorrad และ Harley-Davidson

ADVERTISMENT

ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเรือยอชท์ Azimut รายเดียวในประเทศไทย และผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเรือแม่น้ำ Chris-Craft แต่เพียงผู้เดียวในไทยและอาเซียน

รวมถึงรถยนต์มือสองพร้อมการรับประกัน ธุรกิจจัดหาลูกค้าสำหรับบริการให้เช่าเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว VistaJet และตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสารสายการบินชั้นนำ

ธุรกิจบริการหลังการขายและซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ ธุรกิจบริการเช่ารถยนต์ ทั้งระยะสั้นและระยะยาวพร้อมพนักงานขับ

รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและช่วยเสริมสร้างรายได้ระยะยาว อาทิ บริการทางการเงินครบวงจร สำหรับยานยนต์หรูและมารีน (Alpha X) นายหน้าประกันภัย (Howden Maxi) บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และศูนย์ปฏิบัติการข้อมูล เป็นต้น

โดยบริษัทได้พัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างจุดแข็งและความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรมคือ 1.การดำเนินธุรกิจอย่างครบวงจร ภายใต้ MGC-ASIA Ecosystem ที่แข็งแกร่ง มีผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า และมีธุรกิจสนับสนุนอื่นๆ ที่ช่วยส่งเสริมธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัท 2.เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการรายใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย มีความน่าเชื่อถือ และมีตำแหน่งทางการตลาดที่โดดเด่น

3.เป็นผู้นำในธุรกิจการให้บริการหลังการขาย และซ่อมบำรุงรถยนต์ที่มีคุณภาพสูงสุด ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทุกกลุ่ม และ 4.ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้บริหาร มีวิสัยทัศน์ในการนำพาธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนบนพื้นฐานคุณค่าและความซื่อสัตย์

ทั้งนี้ MGC กำหนดยุทธศาสตร์เพื่อสร้างการเติบโต และเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ด้วยการขยายระบบนิเวศทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ผ่านกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ได้แก่

1.สร้างความแข็งแกร่งให้ MGC-ASIA Ecosystem เพิ่มความหลากหลายของสินค้าและบริการ สร้างความแตกต่างและโดดเด่น ด้วยโมเดล Lifestyle Mobility Ecosystem

2.มุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจจำหน่ายและให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาบุคลากร เพื่อรองรับบริการหลังการขายและซ่อมบำรุงยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักในการสร้างรายได้ประจำ รวมถึงผลตอบแทนให้กับกลุ่มบริษัทฯ ได้ในระยะยาว

3.เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ทรัพยากรร่วมกันภายในระบบนิเวศทางธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มบริษัทฯ

4.ยกระดับการให้บริการ โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจ (Digitalization)
เตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงสู่ Digi-Tech Lifestyle Mobility บนแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์

มิลเลนเนียม กรุ๊ปฯ MGC-ASIA วางเป้าหมายการเติบโต ผ่านการดำเนินงานตามกลยุทธ์หลัก และขยายพอร์ตไปสู่กลุ่มธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพเติบโตสูง ผสานความร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง โดยใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าภายในระบบนิเวศทางธุรกิจ และขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เพื่อบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งมุ่งขยายฐานสินค้าและบริการให้ครอบคลุมทุกมิติ

ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) จัดตั้ง บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด เพื่อให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจร ครอบคลุมสินเชื่อเช่าซื้อ ลีสซิ่ง และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ สำหรับยานยนต์ระดับลักชัวรี่และมารีน เจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมียม-ลักชัวรี่

พร้อมเล็งเห็นความต้องการด้านประกันภัยจากกลุ่มลูกค้าของกลุ่มบริษัทฯ จึงขยายการลงทุนสู่ธุรกิจนายหน้าประกันภัย ผ่านการร่วมมือกับ ฮาวเด้น กรุ๊ป ซึ่งเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์รายใหญ่ที่สุดในยุโรปและมีชื่อเสียงระดับโลก เพื่อขยายระบบนิเวศทางธุรกิจตามยุทธศาสตร์ของกลุ่มบริษัทฯ และสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

นางสาวเจิดนภางค์ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงินและบัญชีกลุ่ม MGC กล่าวว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อและสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 แต่ตลาดลักชัวรี่เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าเซกเมนต์อื่น ๆ และในบางภูมิภาคสามารถเติบโตสวนกระแสจากการขยายตัวของฐานลูกค้าที่มีอายุเฉลี่ยต่ำลงและมีความต้องการเพิ่มต่อเนื่อง

ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์แม้ได้รับผลกระทบจากปัญหาชิ้นส่วนขาดแคลน แต่ตลาดรถยนต์ระดับลักชัวรี่ยังเป็นที่ต้องการสูง สะท้อนจากยานยนต์แบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่สร้างยอดขายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งบริษัทได้รับประโยชน์จากการมีพอร์ตธุรกิจที่หลากหลาย ครอบคลุมลูกค้าทุกเซกเมนต์ ทำให้ภาพรวมรายได้และกำไรของกลุ่มบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการบริหารความเสี่ยงและการปรับตัวทางกลยุทธ์ ทำให้กลุ่มบริษัทมีผลประกอบการเติบโตอย่างมั่นคง โดยสะท้อนจากผลประกอบการในปี 2563, 2564 และ 2565 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 20,275.3 ล้านบาท 21,350.3 ล้านบาท และ 23,076.2 ล้านบาท (ตามลำดับ) เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6.7% ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มีกำไรสุทธิปี 2563, 2564 และ 2565 อยู่ที่ 188.8 ล้านบาท 295.5 ล้านบาท และ 595.6 ล้านบาท (ตามลำดับ) จากการเพิ่มของรายได้จากการขายและบริการ การเพิ่มของอัตรากำไรขั้นต้น ขณะที่สัดส่วนต้นทุนการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้รวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตอกย้ำถึงความสามารถในการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่าย

ทั้งนี้ MGC มีวัตถุประสงค์การระดมทุน เพื่อนำไปลงทุนในบริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด และบริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด รวมถึงชำระเงินกู้จากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ของกลุ่มบริษัทเพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และรองรับการเติบโตในอนาคต