แบงก์ไขข้อสงสัยไม่นำบัตรประชาชนไปอัพเดตข้อมูลยังใช้แอปได้หรือไม่ ?

แบงก์เตือนอัปเดตข้อมูล

แบงก์ออมสิน-ไทยพาณิชย์ ไขปมสงสัย กรณีแบงก์เรียกผู้ใช้บริการแอปนำบัตรประชาชนเข้าไปอัพเดตข้อมูล-สแกนหน้าที่สาขาแบงก์ หากไม่ดำเนินการยังทำธุรกรรมผ่านโมบายแบงกิ้งแอปพลิเคชั่นได้หรือไม่

วันที่ 24 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ช่วงนี้หลายแบงก์ออกมาแจ้งเตือนให้ลูกค้าที่ใช้บริการโมบายแบงกิ้งแอปพลิเคชั่นของแต่ละธนาคาร ให้นำบัตรประจำตัวประชาชนไปอัพเดตข้อมูล พร้อมให้ทางแบงก์สแกนใบหน้าเก็บเป็นข้อมูลเอาไว้ เพื่อรองรับการทำธุรกรรมตามเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กำหนด อันเป็นการป้องกันภัยทุจริตทางการเงิน

โดยประมาณช่วงเดือน มิ.ย. 2566 นี้เป็นต้นไป เมื่อมีรายการโอนเงินไปยังบุคคลอื่น หรือเติมเงินพร้อมเพย์/G-Wallet ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป/รายการ หรือมียอดโอนหรือเติมเงินสะสมต่อวันครบทุก 200,000 บาท หรือมีการปรับเพิ่มวงเงินโอนเงิน จ่ายเงินผ่านแอป หากไม่ยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า (ไบโอเมทริกซ์) จะไม่สามารถทำธุรกรรมได้

อย่างไรก็ดี มีผู้ใช้บริการสงสัยว่า หากไม่เคยทำธุรกรรมตามเงื่อนไขดังกล่าวเลย จำเป็นต้องไปอัพเดตข้อมูล หรือสแกนใบหน้าที่แบงก์หรือไม่ หากไม่ดำเนินการจะยังทำธุรกรรมผ่านแอปได้หรือไม่

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังธนาคารออมสิน ที่แจ้งให้ลูกค้าผู้ใช้แอป MyMo เข้าไปอัพเดตข้อมูลและสแกนใบหน้า ได้รับคำตอบว่า ผู้ใช้บริการจะยังคงใช้งานแอปได้ตามปกติ ในกรณีที่ทำธุรกรรมไม่เข้าตามเงื่อนไขที่กำหนด อย่างไรก็ดี หากวันดีคืนดีต้องมีการโอนเงิน หรือเติมเงินที่เข้าเงื่อนไข ก็จะทำให้ผู้ใช้บริการทำธุรกรรมไม่ได้ และต้องวิ่งไปที่แบงก์ ดังนั้น เพื่อให้การทำธุรกรรมไม่สะดุดก็ควรจะเข้าไปอัพเดตข้อมูลไว้เลย

ขณะที่นายชาลี อัศวะธีระธรรม รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Digital Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ลูกค้าที่ไม่อัพเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน หลังจาก ธปท.ประกาศบังคับใช้มาตรการยืนยันตัวตนภายในเดือน มิ.ย.นี้ หากต้องการทำธุรกรรมการเงิน และเข้าข่ายภายในเงื่อนไข 3 ข้อข้างต้น จะไม่สามารถทำธุรกรรมการเงินดังกล่าวได้ จึงควรเข้ามาอัพเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน ส่วนกรณีลูกค้าที่ทำธุรกรรมไม่ได้เข้าข่ายเงื่อนไข 3 ข้อยังคงสามารถทำธุรกรรมการเงินได้ปกติ