
แบงก์รับลูก “ธปท.-สมาคมธนาคารไทย” ยกระดับสกัดภัยทุจริตทางการเงิน ด้วยการ “สแกนใบหน้า” เมื่อทำธุรกรรมตามเงื่อนไข 1 ใน 3 ข้อ เร่งประกาศเตือนลูกค้านำบัตรประชาชนอัพเดตข้อมูล พร้อมสแกนใบหน้าที่สาขา ภายใน พ.ค.-มิ.ย.นี้ ก่อนที่จะทำธุรกรรมตามเงื่อนไขไม่ได้
วันที่ 22 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ได้วางแนวทางการป้องกันภัยทุจริตทางการเงินเพิ่มเติม โดยให้แบงก์ต้องเพิ่มการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า (ไบโอเมตริก) เมื่อทำธุรกรรมผ่านโมบายแบงกิ้ง เมื่อมีรายการโอนเงินไปยังบุคคลอื่น หรือเติมเงินพร้อมเพย์/G-Wallet ตามเงื่อนไขต่อไปนี้
- ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป/รายการ
- ยอดสะสมต่อวัน ครบทุก 200,000 บาท
- ปรับเพิ่มวงเงินโอนเงิน จ่ายเงินผ่านแอป
ล่าสุด หลายธนาคารเริ่มแจ้งให้ลูกค้าผู้ใช้บริการโมบายแบงกิ้งของแต่ละแบงก์ นำบัตรประจำตัวประชาชน เข้าไปอัพเดตข้อมูล และสแกนใบหน้า เพื่อยืนยันตัวตนที่สาขาธนาคารกันแล้ว อาทิ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารออมสิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
1.ธนาคารออมสิน
โดยธนาคารออมสิน แจ้งผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่น MyMo ยกระดับความปลอดภัยด้วยการยืนยันการทำรายการด้วยใบหน้า โดยระบุว่า เพื่อความปลอดภัยในการโอนเงิน หรือเปลี่ยนแปลงวงเงินและสามารถยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าได้อย่างสมบูรณ์
ทางธนาคารขอให้ผู้ใช้บริการนำบัตรประชาชนไปอัพเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน และถ่ายภาพใบหน้าที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ ภายในเดือนพฤษภาคม
2.ธนาคารกรุงเทพ
ธนาคารกรุงเทพ แจ้งลูกค้าให้เตรียมพร้อมสำหรับการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า ซึ่งจะเริ่มเดือน พ.ค. 2566 นี้ เพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัย โดยการเพิ่มการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า (ไบโอเมตริก) เมื่อทำธุรกรรมผ่านโมบายแบงกิ้ง
ทั้งนี้ ลูกค้าต้องนำบัตรประชาชนไปอัพเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบันและถ่ายรูปใบหน้าได้ที่ธนาคารกรุงเทพ ทุกสาขาทั่วประเทศ
3.ธนาคารไทยพาณิชย์
ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊ก “SCB Thailand” ว่า เตรียมความพร้อมสำหรับการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า เมื่อทำธุรกรรมที่เข้าเงื่อนไข ผ่านแอป SCB EASY โดยให้ลูกค้านำบัตรประชาชนไปอัพเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบันและถ่ายรูปใบหน้าได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขาทั่วประเทศ ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
4.ธนาคารกรุงไทย
ธนาคารกรุงไทย ประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊ก “Krungthai Care” ว่า กรุงไทยไม่หยุดเพิ่มมาตรการความปลอดภัย ยกระดับการใช้งานแอป NEXT และเป๋าตัง สู่การสแกนใบหน้าที่ปลอมแปลงได้ยากกว่า OTP เพื่อยืนยันตัวตนก่อน โอน เติม จ่าย แนะลูกค้ารีบนำบัตรประชาชนไปบันทึกข้อมูลยืนยันตัวตนและถ่ายภาพใบหน้า ได้ที่ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือตู้ ATM กรุงไทย สีเทา
เพื่อความสะดวก เมื่อต้องการเปลี่ยนอุปกรณ์มือถือ สามารถใช้งานแอปได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เริ่มบังคับใช้มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป
5.ธนาคารกสิกรไทย
ธนาคารกสิกรไทย ประกาศผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ “KBank Live” ว่า เตรียมพร้อมยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าเพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรมผ่าน K PLUS เริ่ม พฤษภาคม 2566
โดยธุรกรรมที่ต้องมีการยืนยันตัวตน เมื่อทำรายการผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS มีดังนี้
- โอนเงินตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปต่อรายการ
- ยอดรวมของการโอนเงินทุก 200,000 บาทต่อวัน
- ปรับเพิ่มวงเงินทำรายการต่อวันผ่าน K PLUS
ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยได้เก็บใบหน้าของลูกค้าจากการเปิดบัญชี หรือทำธุรกรรมกับธนาคารอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าส่วนใหญ่สามารถทำธุรกรรมผ่น K PLUS ได้ทันที โดยไม่ต้องลงทะเบียนใบหน้าใหม่
เฉพาะลูกค้าที่ไม่สามารถดำเนินการได้เท่านั้น ต้องลงทะเบียนใบหน้าใหม่ โดยนำบัตรประชาชนไปยืนยันตัวตนที่ตู้ ATM ธนาคารกสิกรไทย หรือติดต่อสาขาที่ท่านสะดวก
6.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แจ้งลูกค้าที่ใช้บริการโมบายแบงกิ้งแอปพลิเคชั่น A-Mobile Plus นำบัตรประจำตัวประชาชน และ สมาร์ทโฟน เข้าไปลงทะเบียนยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า (e-KYC) ที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขา เริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค.2566 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เป็นการ “ยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า” เพื่อยกระดับความปลอดภัย การเงินดิจิทัล ยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางด้านการเงินและเป็นไปตามาตรการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด
ซึ่งจะต้องมีการยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้า ในการโอนเงินและปรับเปลี่ยนวงเงินผ่าน A-Mobile Plus ตามเงื่อนไขใหม่ ดังนี้
รายการโอนเงินไปยังบุคคลอื่น
- ตั้งแต่ 50,000 บาท ขึ้นไป/รายการ
- ยอดสะสมต่อวันครบทุก 200,000 บาท
ปรับเพิ่มวงเงินทำรายการ
- ตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป
7.ธนาคารทหารไทยธนชาต (ttb)
ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) ประชาสัมพันธ์แจ้งลูกค้าผ่านแอปพลิเคชัน ttb touch ให้เตรียมพร้อมในการสแกนใบหน้า โดยจะเริ่มต้นใช้ระบบดังกล่าว ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ลูกค้าทีทีบีส่วนใหญ่ สามารถทำธุรกรรมดังกล่าวได้ตามปกติ เนื่องจากมีการอัปเดตข้อมูลบัตรประชาชนและเก็บข้อมูลใบหน้ากับทางธนาคารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
8.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา แจ้งเตือนลูกค้าผ่านเฟซบุ๊กของธนาคาร ว่าจะต้องมีการยืนยันตัวตนผ่านการสแกนใบหน้าในการทำธุรกรรมของธนาคาร โดยให้ลูกค้าของธนาคารติดต่อสาขาธนาคารที่อยู่ใกล้บ้านเพื่อเก็บภาพใบหน้า โดยธนาคารแจ้งเตือนดังนี้
“รู้หรือยัง โอนเงินตั้งแต่ 5 หมื่นบาทผ่านแอปต้องยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า เพื่อความปลอดภัยของผู้โอน”
เช็กด่วน!! ว่าเคยเก็บภาพถ่ายใบหน้าไว้กับธนาคารหรือยัง ถ้ายังรีบทำด่วนภายในมิถุนายน 66 นี้ เพื่อความสะดวกในการโอนเงิน และเพิ่มวงเงินโอนบนกรุงศรีแอป
ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการโอนเงินและเพิ่มวงเงินโอนผ่าน KMA krungsri app และ Krungsri Biz Online ผู้ที่ทำธุรกรรมโอนเงินตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปต่อรายการ , การโอนเงินที่มียอดรวมสะสมครบตั้งแต่ 200,000 บาทต่อวัน หรือปรับเพิ่มวงเงินให้โอนได้ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป ตามนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทยผู้ใช้บริการจำเป็นต้องเก็บภาพถ่ายใบหน้าไว้ที่ธนาคาร เพียงนำบัตรประชาชนมาติดต่อที่สาขาธนาคารทั่วประเทศใกล้บ้านคุณ ภายในเดือนมิถุนายน 2566
โดยธนาคารระบุเหตุผลที่ต้องดำเนินการสแกนใบหน้าว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพระบาดหนักพร้อมที่จะดูดเงินจากบัญชีเราได้หลากหลายรูปแบบ ถ้าเราพลาดเราอาจต้องสูญเสียเงินในบัญชีได้ และอาจทำให้เราไม่มั่นใจในการทำธุรกรรมผ่าน Mobile Banking แต่ถ้าเรารู้วิธีการทำธุรกรรมบน Mobile Banking อย่างปลอดภัย เราก็สามารถป้องกันมิจฉาชีพดูดเงินจากบัญชีเราได้ และใช้งาน Mobile Banking ได้อย่างสบายใจมากขึ้น
ทั้งนี้เพื่อเสริมความปลอดภัย ภายในเดือนมิถุนายนนี้ การโอนเงินและปรับเปลี่ยนวงเงินที่มียอดสูงจะต้องมีการสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน