YLG มอง 3 ปัจจัยหนุนราคาทองคำวิ่งต่อ

ส่องทิศทางราคาทองคำในช่วงที่เหลือของปี 2566 กับ “ฐิภา นววัฒนทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด

วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยลง ส่งให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นทำราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) ที่บริเวณ 2,078 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากนี้ราคาทองคำในช่วงที่เหลือของปี 2566 จะมีทิศทางเป็นอย่างไรต่อ และทองคำจะกลายเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนที่สุดปีนี้หรือไม่

“ประชาชาติเวลท์ เล่าเรื่องการลงทุน” EP.ที่ 9 นี้ พูดคุยกับ “ฐิภา นววัฒนทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด

               

Q : ทิศทางราคาทองคำในช่วงที่เหลือของปี 2566 จะเป็นอย่างไร มีปัจจัยบวก-ลบอะไรที่รออยู่บ้าง

ถ้าเรามาดูกรอบใหญ่ของราคาทองคำไม่ว่าจะเป็นปัจจัยพื้นฐานหรือว่าปัจจัยทางเทคนิคค่อนข้างจะสนับสนุนให้เห็นราคาทองคำในภาพของการปรับตัวขึ้นต่อในระยะยาว จะเห็นว่าตัวราคาทองคำเป็นภาพของไซด์เวย์อัพ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาเรื่อยตั้งแต่ปี 2015 แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่มีสถานการณ์เรื่องโควิด-19 ก็เลยทำให้ตัวราคาทองคำเรียกว่ามีจุดที่กระชากขึ้นมา แต่ว่าโดยรวมถึงแม้ว่าจะมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยบ้าง แต่ว่าภาพใหญ่ยังเป็นภาพของไซด์เวย์อัพของตัวราคาทองคำ ยังมีโอกาสในการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ

พอมาดูปัจจัยที่เป็นปัจจัยตัวสนับสนุนในแง่ของพื้นฐานจะเห็นได้ว่าปีนี้มีข่าวหลายตัวเหมือนกันที่น่าจะเป็นตัวบวกทำให้ราคาทองคำไปต่อได้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างเรื่องแรกก็คือเรื่องของอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เราติดตามมาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าในช่วงปีกว่า ๆ ที่ราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาบ้างก็อาจจะเป็นเพราะว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพราะว่าต้องการชะลอเงินเฟ้อ ก็เลยทำให้เราได้เห็นการโยกย้ายเงินจากการลงทุนในทองคำไปลงทุนในตัวไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรเองก็ตาม

ซึ่งอย่างตอนนี้ Fed Fund Rate (FFR) ก็สูงจนถึงประมาณ 5% แล้วก็การที่ไปฝากแบบคงที่ (Fixed) ก็อาจจะให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น ก็เลยทำให้เห็นการโยกเงินของตัวทองคำ แต่เร็ว ๆ นี้เราเชื่อว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐน่าจะใกล้ถึงจุดที่เป็นจุดสิ้นสุดแล้ว เพราะว่าจะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมาถึงแม้ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างร้อนแรงและรุนแรงก็ยิ่งส่งผลลบกับเศรษฐกิจ แล้วเฟดก็เริ่มส่งสัญญาณแล้วว่าน่าจะมีโอกาสที่จะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว ซึ่งถ้าเมื่อไหร่มีการหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แน่นอนทองคำน่าจะได้อานิสงส์ก็คือเป็นภาพของการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ อันนี้เป็นปัจจัยที่หนึ่ง

ส่วนปัจจัยที่สองก็จะเป็นในเรื่องของในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่ามีธนาคารหลาย ๆ ธนาคารที่เป็นระดับใหญ่ ๆ ของโลกมีการปิดตัวลง ล่าสุดก็จะเป็น First Republic Bank ซึ่งก็ถือว่าเป็นหนึ่งในธนาคารใหญ่ของสหรัฐ อันนี้เป็นสัญญาณที่ดูไม่ดีแล้ว จะเห็นได้ว่าสัญญาณตัวนี้เริ่มมาภายในระยะเวลาแค่ไม่กี่เดือน นั่นหมายถึงว่าวิกฤตการเงินรอบใหม่รอบนี้น่าจะกลับมาอีกครั้งและมีโอกาสที่จะรุนแรงกว่าตอนปี 2008

ถ้าไปดูในฝั่งของเงินฝากของนักลงทุนทั่วไปจะเห็นได้ว่าวันนี้เงินฝากของนักลงทุนทั่วโลกถือว่าอยู่ในระดับต่ำสุด ต่ำกว่าตอนปี 2008 ด้วยซ้ำ อันนี้ก็เป็นสัญญาณตัวหนึ่งที่จะแสดงให้เห็นว่าคนมีความกังวลเพิ่มขึ้นว่าอาจจะได้เห็นวิกฤตการเงินที่ใหญ่ในรอบนี้ อันนี้เป็นสัญญาณอีกตัวที่จะส่งผลบวกกับตัวราคาทองคำ ซึ่งถ้าเกิดว่ายังมีข่าวของธนาคารอื่น ๆ ที่ออกมาซึ่งตอนนี้ก็เริ่มออกมามีบ้างแล้ว ก็น่าจะทำให้เกิดความกังวลแล้วก็ส่งผลให้ทองคำถูกมองในฐานะของสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven Asset) ก็มีโอกาสในการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตัวราคาทองคำ

ส่วนปัจจัยที่สามก็จะเป็นในเรื่องของเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐ ซึ่งตอนนี้ค่อนข้างจะสูงมาก แล้วก็อาจจะต้องมาดูในเรื่องของความสามารถในการชำระหนี้ของฝั่งสหรัฐด้วยเหมือนกัน เพราะว่าอย่างในปีที่ผ่านมาสหรัฐเก็บภาษีได้อยู่แค่ประมาณ 35% เท่านั้น ซึ่งถือว่าอยู่ในปริมาณที่น้อย แล้วโกลด์แมน แซกส์ ก็มีการคาดการณ์ว่าถ้าในรอบนี้สหรัฐสามารถเก็บภาษีได้แค่เรตประมาณ 35-45% เท่านั้น

สหรัฐอาจจะมีโอกาสในการผิดชำระหนี้ ซึ่งสัญญาณตัวนี้เป็นสัญญาณที่น่ากังวลอีกเหมือนกันว่าถ้าสหรัฐมีการผิดชำระหนี้และด้วยเพดานหนี้ที่ค่อนข้างจะสูงมากแล้วอาจจะทำให้เกิดวิกฤตการเงิน อันนี้ก็ส่งผลบวกต่อตัวราคาทองคำ จะเห็นว่า 3 ปัจจัยใหญ่ 3 เรื่องนี้เป็นตัวที่ผลักดันการขึ้นของราคาทองคำทั้งนั้น

ดังนั้นในแง่ของกลยุทธ์การลงทุนเราก็ยังแนะนำนักลงทุนว่า ถ้าเห็นจังหวะการปรับตัวลดลงมาของราคาทองคำ ซึ่งเราเชื่อว่าน่าจะไม่มากนัก โดยที่ในรอบนี้เองเรามองว่าอาจจะได้เห็นการปรับตัวลดลงมาเต็มที่ก็แถว ๆ ประมาณบาทละ 29,000-29,000 บาทปลาย ๆ ใกล้ ๆ 30,000 บาท อาจจะเป็นจังหวะทยอยซื้อ เพราะว่าภาพรวมของราคาทองคำเราเชื่อว่ามีโอกาสที่จะขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ในปีนี้

Q : ปีนี้มีโอกาสที่เฟดจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย เพราะฉะนั้นแล้วน่าจะเป็นข่าวดีที่สุดของทองคำไหม

ถือว่าจะเป็นข่าวที่เป็นบวกกับตัวราคาทองคำ แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่ง เพราะว่ายังมีเรื่องของการชำระหนี้ของฝั่งสหรัฐที่ยังต้องตามและก็ภาพรวมเศรษฐกิจว่ารอบนี้วิกฤตการเงินจะลุกลามต่อไหม ถ้ายังลุกลามอย่างรุนแรงต่อ แน่นอนกองทุนต่าง ๆ หรือว่านักลงทุนก็จะเข้าซื้อทองคำอีกครั้งหนึ่งในฐานะของ Safe Haven Asset และอาจจะมองเป็นที่พักเงิน

แล้วก็อีกปัจจัยหนึ่งที่ยังต้องตามก็จะเป็นปัจจัยการเมืองระหว่างประเทศไม่ว่าจะเป็นข่าวของทางฝั่งสหรัฐและจีนที่ยังต้องติดตามเหมือนกัน เพราะว่าถ้ามีประเด็นอะไรขึ้นมาก็น่าจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำ

Q : ช่วงปลายปีนี้อาจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย อาจจะเห็นทองคำไปพีกหรือทำนิวไฮในช่วงปลายปีมีโอกาสแค่ไหน

เชื่อว่าน่าจะได้เห็นในภาพนั้น แต่ว่าต้องดูว่าจะเกิดขึ้นช่วงไหน ช่วงปลายปีหรือว่าจะเร็วกว่านั้น เพราะตอนนี้ข่าวที่ต้องตามคือในภาพของแบงก์รันของธนาคารหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกที่ต้องติดตามด้วยเหมือนกัน ซึ่งถ้ามีข่าวตัวนี้มาก็มีโอกาสที่จะได้เห็นทะลุนิวไฮ

Q : ปีนี้ทองคำน่าจะเป็นสินทรัพย์ที่คิดว่าจะน่าลงทุนที่สุดในปีนี้ไหม

ถือว่าเป็นหนึ่งตัวเลือกในการลงทุน เพราะว่าสัดส่วนที่ดีที่ทางสมาพันธ์ทองคำโลก หรือว่าสภาทองคำโลก (World Gold Council) ให้ไว้ว่าในพอร์ตควรจะมีทองคำอยู่ ก็ยังให้เรตอยู่ที่ประมาณ 5-10% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด

ปีนี้ก็อาจจะแนะนำว่านักลงทุนที่ลงทุนอย่าง Aggressive ปีนี้อาจจะต้องเริ่มระมัดระวังในการลงทุนเพิ่มขึ้น แล้วก็ใครที่ยังไม่มีทองคำก็แนะนำเข้ามาถือทองคำในพอร์ตของการลงทุนและอาจจะถือเงินสดเพิ่มขึ้น