“หุ้นเทค” รับปัจจัยบวกยุติขึ้นดอกเบี้ย หนุนผลตอบแทนกองทุนฟื้น

หุ้นเทคโน

หุ้นเทคโนโลยีเป็นกลุ่มที่ติดลบหนักในปีที่ผ่านมา เอฟเฟ็กต์สำคัญจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรง แต่หลังจากที่ตลาดเริ่มคาดการณ์กันว่า เฟดมีโอกาสชะลอดอกเบี้ย ก็ทำให้ราคาหุ้นเทคฟื้นตัวขึ้น

โดย “ชญานี จึงมานนท์” นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วงสิ้นปี 2565 กองทุนหุ้นเทคโนโลยี มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 4.4 หมื่นล้านบาท ลดลง 40.6% จากปี 2564 และมีเงินไหลออกสุทธิทั้งปี 2565 รวม 2,500 ล้านบาท ขณะที่ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ราว -44%

มาในปี 2566 ถือว่ามีภาพที่ค่อนข้างต่างออกไป โดยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ตั้งแต่ต้นปีถึง ณ วันที่ 30 เม.ย. 2566 (YTD) เพิ่มขึ้น 12% มาอยู่ที่ราว 4.9 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ดี เงินไหลเข้าสุทธิยังมีแค่กว่า 200 ล้านบาท ไม่ได้คึกคักนัก แต่เป็นกลุ่มที่มีผลตอบแทนสูงสุดของอุตสาหกรรมกองทุนรวมรอบสะสมตั้งแต่ต้นปี เทียบกับ Morningstar Global Technology Index ที่อยู่ที่ 18.3% (ข้อมูล ณ 4 พ.ค. 2566)

สำหรับกองทุนที่ทำผลตอบแทนสูงสุด 3 อันดับแรก มาจากบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซทพลัส ได้แก่ ASP-DIGIBLOC-SSF, ASP-DIGIBLOCRMF และ ASP-DIGIBLOC ผลตอบแทน YTD อยู่ 58.46%, 53.82% และ 52.85% ตามลำดับ ตามด้วย TNEXTGEN-A และ TNEXTGENRMF-A จาก บลจ.ทิสโก้ ผลตอบแทนอยู่ที่ 23.86% และ 23.65% (ดูตาราง)

ตาราง กองทุนหุ้น

“ในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังต้องระวังเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังมีปัจจัยกดดันจากภาวะดอกเบี้ยสูง ประกอบกับกลุ่มเทคโนโลยีมีการปรับตัวขึ้นมาแล้วในช่วงต้นปี หากผู้ลงทุนสนใจ ควรระมัดระวังความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของกองทุน และความผันผวนของตลาดที่จะเกิดขึ้นได้ในช่วงปีนี้”

ขณะที่ “บดินทร์ พุทธอินทร์” ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากการที่เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้เมื่อปีที่แล้ว จึงกดดันหุ้นกลุ่มเติบโต ทำให้ผลตอบแทนติดลบอย่างหนัก แต่หุ้นเทคมีการฟื้นตัวแล้ว โดยในระยะข้างหน้า มีมุมมองเชิงบวกกับหุ้นเทค และกลุ่มเติบโต จาก 3 ปัจจัย คือ

1.แนวโน้มการหยุดขึ้นดอกเบี้ยของเฟด 2.เงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ทำให้เฟดไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อ และ 3.ตลาดคิดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว ซึ่งเป็นผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยมาอยู่ในระดับสูง

“หุ้นเทคฟื้นตัวมาตั้งแต่ประมาณเดือน ต.ค. 2565 จากความกังวลเรื่องนโยบายเฟดที่เบาลง เพราะตลาดค่อนข้างรับรู้ข่าวไปพอสมควรในช่วงนั้น ขณะที่ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ยิ่งเห็นภาพชัดว่า เฟดอาจจะมีโอกาสไม่ขึ้นดอกเบี้ยต่อ ทำให้หุ้นกลุ่มนี้กลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง เห็นได้จากดัชนี NASDAQ ของสหรัฐที่บวกขึ้นมา ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนถึงการฟื้นตัวของหุ้นเทคได้เป็นอย่างดี”

อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นมาของหุ้นเทคอาจจะไม่ได้ขึ้นแรงเหมือนเดิม แต่ยังเป็นกลุ่มที่น่าสนใจในช่วงที่เหลือของปี และแนะนำเข้าซื้อ โดยรอจังหวะย่อตัว เพราะหุ้นมีการปรับขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว

“จังหวะที่ตลาดปรับฐาน จะเป็นจังหวะในการเก็บ ซึ่งแนะนำเป็นหุ้นเทคขนาดใหญ่ในสหรัฐ เนื่องจากกลุ่มนี้มีงบการเงินดี มีกระแสเงินสด จึงผันผวนน้อย ส่วนหุ้นเทคในจีนเน้นไปที่ขนาดกลาง-เล็ก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนที่ดีจากภาครัฐ”

ด้าน “สาห์รัช ชัฏสุวรรณ” รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า ล่าสุด บลจ.ทิสโก้ เปิดไอพีโอ (IPO) กองทุนหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐ หรือกองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส แนสแดค อิควิตี้ ชนิดหน่วยลงทุนทั่วไป (TNASDAQ-A)

และกองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส แนสแดค อิควิตี้ ชนิดหน่วยลงทุนเพื่อการออม (TNASDAQ-SSF) ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) เน้นลงทุนใน Invesco QQQ Trust, Series 1 ที่มีวัตถุประสงค์ในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Nasdaq-100 เสนอขาย 9-17 พ.ค. 2566 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท

“หลังจากเฟดมีมติขึ้นดอกเบี้ยตามคาดอีก 0.25% ซึ่งศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) มองว่าในช่วงครึ่งปีหลังเฟดจะเริ่มคงดอกเบี้ย จึงมองว่าเป็นจังหวะดีที่จะเข้าลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่จะได้รับประโยชน์จากต้นทุนการเงินที่ดีขึ้น

ประกอบกับปัจจุบันดัชนี NASDAQ มีอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ (P/E) อยู่ในระดับ 24 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 5 ปี และหุ้นกลุ่มนี้เป็นหุ้นที่จัดอยู่ในกลุ่มเมกะเทรนด์ของโลก ทำให้รายได้และกำไร มีโอกาสเติบโตสูง”

หากทิศทางหุ้นเทคยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง หลังจากนี้คาดว่า คงมีกองทุนรวมออกมาให้เลือกลงทุนเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน