กรุงไทย-กลุ่มสิงห์ เอสเตท ทำอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงดอกเบี้ยเชื่อมคาร์บอนเครดิต

กรุงไทย-กลุ่มสิงห์ เอสเตท

ธนาคารกรุงไทย ร่วมกับสิงห์ เอสเตท ทำสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย เชื่อมโยงคาร์บอนเครดิต ครั้งแรกในไทย ช่วยบริหารความเสี่ยงจากดอกเบี้ยในช่วงขาขึ้น พร้อมจัดหาคาร์บอนเครดิต ตอบโจทย์เป้าหมาย Net Zero ของประเทศ

วันที่ 26 พฤษภาคม 2566 นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ ธนาคารกรุงไทย มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและบริการทางการเงินอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ

ล่าสุด ธนาคารร่วมกับบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ทำสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่เชื่อมโยงกับคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Linked Interest Rate Derivatives) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย นับเป็นนวัตกรรมใหม่ของตลาดทุนไทย ที่ช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสนับสนุนการจัดหาคาร์บอนเครดิตที่มีคุณภาพให้กับสิงห์ เอสเตท เพื่อการชดเชยคาร์บอนจากกิจกรรมการปล่อยคาร์บอนของบริษัท (Carbon Offset)

หากบริษัทสามารถดำเนินงานตามเป้าหมาย ESG สำเร็จ โดยมีการกำหนดคุณสมบัติของคาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจ (Voluntary Carbon Credit) ให้รองรับทั้งมาตรฐานไทย (T-VER) ซึ่งรับรองโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) และมาตรฐานสากล Verified Carbon Standard ที่ออกโดยสมาคม Verra

นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดประเภทคาร์บอนเครดิตที่ได้มาจากโครงการลดคาร์บอนที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (Nature-Based Solution) เช่น การปกป้องและฟื้นฟูผืนป่า เป็นต้น เพื่อให้ตรงกับเป้าหมายของกลุ่มสิงห์ เอสเตท ที่ให้ความสำคัญกับการรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการเติบโตอย่างยั่งยืน

“ความร่วมมือในครั้งนี้ ตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดด้านบริการทางการเงินที่ยั่งยืน (ESG Financial Solution) ที่ออกแบบและพัฒนาบริการ ตอบโจทย์ธุรกิจของลูกค้าอย่างตรงจุด สอดคล้องกับทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น และแนวโน้มการทำธุรกิจยุคใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ( SDGs) ของสหประชาชาติ (UN) ในข้อ 13 เรื่องการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

โดยธนาคารได้นำเครื่องมือทางการเงินมาใช้ในการบริหารจัดการอย่างครบวงจร เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ หากสิงห์ เอทเตท สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและดำเนินงานได้ตามเป้าหมายด้าน ESG ธนาคารจะสนับสนุนการจัดหาคาร์บอนเครดิต เพื่อส่งเสริมการทำธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สนับสนุนเป้าหมาย Net Zero Emissions ของประเทศ เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ กรุงไทย เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน”

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะในด้านการเตรียมแผนพัฒนาธุรกิจให้สามารถรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ภายใต้พันธกิจองค์กรที่เน้นสร้างความหลากหลายที่สมดุล เพื่อนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจ ชุมชน และสิ่งแวดล้อม (Sustainable Diversity)

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินการด้านการต่อต้านภาวะโลกรวน หรือ Climate Change โดยบริษัทตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2030 ด้วยการสร้างความร่วมมือเครือข่ายพันธมิตรลดการปล่อยคาร์บอนจากกิจกรรมทางธุรกิจตลอดซัพพลายเชน (Supply Chain) เพิ่มการใช้พลังงานสะอาดในทุกหน่วยธุรกิจ เพิ่มพื้นที่ดูดซับคาร์บอนด้วยการปลูกป่าในเขตรอยต่ออุทยานเพื่อสร้างแนวป้องกันไฟป่า โดยตั้งเป้าสร้างพื้นที่อนุรักษ์ 1 ล้านตารางเมตร ภายในปี ค.ศ. 2030


“นอกจากนี้ยังขยายฐานสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ร่วมลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานคาร์บอนต่ำ สร้างนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่จังหวัดอ่างทอง รวมทั้งพัฒนาโครงการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้พลังงานสะอาด ให้แก่บริษัทในเครือ อาทิ การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ขนาด 1.3 เมกะวัตต์ ในโครงการโรงแรมของกลุ่มในประเทศไทยและมัลดีฟส์ ซึ่งจะสามารถต่อยอดสู่ความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในอนาคต สร้างรายได้ที่ยั่งยืน พร้อมสร้างสังคมที่มีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกที่ที่มีธุรกิจของบริษัทดำเนินอยู่” นางฐิติมากล่าว