สำนักงาน ก.ล.ต. ขอให้ผู้ถือหุ้นกู้ STARK จำนวน 3 รุ่น ใช้สิทธิในการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อซักถามผู้ออก-ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ให้ได้ข้อมูลเพียงพอต่อการตัดสินใจในการลงมติ โดยจะจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งที่ 3/2566 ในวันที่ 23 มิถุนายน 2566 เวลา 14.00 น.
วันที่ 20 มิถุนายน 2566 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขอให้ผู้ถือหุ้นกู้ STARK ใช้สิทธิในการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ซักถามผู้ออก หรือผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วนและเพียงพอต่อการตัดสินใจลงมติตามที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งที่ 3/2566 ในวันที่ 23 มิถุนายน 2566 เวลา 14.00 น. สำหรับหุ้นกู้ทั้ง 3 รุ่น ด้วยวิธีการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ดังนี้
(1) หุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2565 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 (STARK245A) โดยมี ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
(2) หุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2565 ชุดที่ 3 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 (STARK255A) โดยมี ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
(3) หุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2565 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 (STARK242A) โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้
สำหรับการประชุมดังกล่าวมีวาระเพื่อพิจารณา ดังนี้
วาระที่ 1 พิจารณาอนุมัติให้มีการลงมติเกี่ยวกับเหตุผิดนัดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
วาระที่ 2 พิจารณาเหตุผิดนัดไขว้ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
วาระที่ 3 พิจารณาเหตุผิดนัดจากการที่ผู้ออกหุ้นกู้ไม่นำส่งงบการเงินประจำไตรมาส 1 ปี พ.ศ. 2566 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2566 ให้แก่สำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
วาระที่ 4 พิจารณาเหตุผิดนัดจากการที่ผู้ออกหุ้นกู้ไม่สามารถดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นตามที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดสิทธิ
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้กำหนดให้ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้วิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย ประโยชน์ และผลกระทบที่ผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับจากการมีมติอนุมัติ หรือไม่อนุมัติให้ชัดเจนในแต่ละทางเลือก พร้อมเหตุผลประกอบโดยมีความเห็นของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ประกอบด้วย ก.ล.ต. จึงขอให้ผู้ถือหุ้นกู้ศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ
และใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นกู้ในการรักษาประโยชน์ของตนเอง พร้อมทั้งสอบถามข้อมูลต่าง ๆ จากผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนในการประกอบการตัดสินใจออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ด้วย