คอลัมน์ : เช็กกระแสหุ้น
หุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (26-30 มิ.ย.) ค่อนข้างผันผวน
โดย “ณัฐชาต เมฆมาสิน” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ผ่านมาเริ่มต้นไม่ค่อยดีนัก มีการปรับตัวลดลงจนดัชนีหลุด 1,500 จุด ซึ่งปัจจัยหลักมาจากฟันด์โฟลว์ที่ยังไหลออกจากตลาดหุ้นและตราสารหนี้ต่อเนื่อง จากความกังวลต่อนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ยังคงเข้มงวด และธนาคารกลางอังกฤษปรับขึ้นดอกเบี้ย
- พนักงานถูกไล่ออก เพราะพากันหนีไฟไหม้ ที่มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินอล
- เงินอุดหนุนนักเรียน 2567 ช่วยค่าชุด-หนังสือเรียน อนุบาล-ปวช. ได้เท่าไร
- บ้าน-รถกู้ไม่ผ่านพุ่งกระฉูด หนี้ครัวเรือนท่วม-แบงก์ผวา NPL
ขณะที่ปัจจัยภายใน มีความกังวลเกี่ยวกับหุ้นขนาดกลาง-เล็ก หลังจากมีประเด็นต่าง ๆ เกิดขึ้น รวมถึงสภาพคล่องที่หายไปค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีปรับลดลงไปที่ระดับ 1,450-1,460 จุด ถือเป็นโซนที่ราคาหุ้น (valuation) ค่อนข้างแข็งแกร่ง ทำให้เห็นดัชนีบวกขึ้นมาในช่วง 2 วันสุดท้ายได้
มองไปในสัปดาห์ข้างหน้า (3-7 ก.ค) “ณัฐชาต” กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะเริ่มตั้งหลักได้ แต่ยังคงแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยปัจจัยเรื่องการเมืองจะกลับมามีอิทธิพลมากขึ้น เริ่มตั้งแต่การเลือกประธานสภา ซึ่งจะส่งผลต่อบรรยากาศในตลาดหุ้นได้
รวมถึงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ในช่วงต้นเดือน เช่น ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐในวันที่ 7 ก.ค. ซึ่งอาจจะมีผลต่อการตัดสินใจดำเนินนโยบายของเฟดในระยะถัดไป ทั้งนี้ ประเมินกรอบดัชนีแนวต้านที่บริเวณ 1,520 จุด และแนวรับที่ 1,480 จุด
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเลือกหุ้นที่มีการปรับตัวลงมามากแล้ว เช่น กลุ่มค้าปลีก อย่าง CPALL, CPAXT, BJC กลุ่มรับเหมาก่อสร้างอย่าง CK รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้า อย่าง GULF, EGCO และ BGRIM
- ถอดบทเรียนลงทุน STARK ด้วยการลงทุนแนว VI สไตล์วอร์เรน บัฟเฟตต์
- ITC ติดอันดับบริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน ในกลุ่ม ESG Emerging ปี’66
- STARK ผู้ถือหุ้นรายย่อย วอนตลาดหลักทรัพย์ยืดแขวน SP 19 ก.ค.