โบรกฯ เกาะติดโหวตนายกฯ ชี้ชะตาดัชนีหุ้นไทยครึ่งปีหลัง

โบรกฯ เกาะติดโหวตนายกฯ

โบรกฯ เกาะติดโหวตนายกฯ วันนี้มองผล 2 แบบ หากโหวตผ่านเป็นบวกแต่หากไม่ผ่านมองตอบรับเชิงลบเล็กน้อย คาดดัชนีหุ้นไทย (SET INDEX) ปรับลง แต่ไม่หลุดจุดต่ำสุดเดิมที่ 1,474 จุด  ตลาดยังรอดูความชัดเจนการเมืองลุ้นเงินทุนต่างชาติไหลกลับ กำหนดชะตาดัชนีตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลัง

วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นรอติดตามผลโหวตนายกรัฐมนตรีวันนี้เป็นหลัก ซึ่งจะมีผลต่อตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้ โดยหากโหวตนายกรัฐมนตรีผ่านไปได้ด้วยดีก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและภาพรวมตลาด แต่หากไม่ผ่านและมีการโหวตครั้งถัดไปในวันที่ 19-20 ก.ค. 2566 ก็มองตลาดน่าจะตอบรับเชิงลบเล็กน้อย

โดยมองว่าไม่น่าหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,474 จุด โดยกลุ่มค้าปลีกน่าจะเป็นกลุ่มที่ช่วยพยุงตลาดซึ่งกลุ่มนี้จะบวกได้ต้องอยู่ภายในเงื่อนไขที่วันนี้การโหวตนายกฯไม่ผ่านก็จะเป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้น แต่หากในกรณีที่ไม่มีการโหวตและเลื่อนแบบไม่มีกำหนด จะยิ่งทำให้การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้ามากขึ้นส่งผลไม่ดีแน่นอน ซึ่งอาจจะทำให้ดัชนีปรับลงมาหลุดจุดต่ำสุดเดิมหรือว่าใกล้เคียงจุดต่ำสุดเดิมที่ 1,474 จุด หรืออาจจะปรับลงไปที่ 1,471 จุดได้ หากสถานการณ์ยืดเยื้อโดยเฉพาะจะยิ่งกระทบกับฟันด์โฟลว์

อย่างไรก็ตาม มองว่าการโหวตเลือกนายกฯน่าจะสิ้นสุดลงได้ภายในเดือนนี้ ซึ่งไม่ว่าใครจะได้เป็นนายกฯ เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติมองเพียงว่าแค่มีความชัดเจนทางการเมือง ฟันด์โฟลว์ก็มีโอกาสไหลกลับเข้ามาได้ เพราะนักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิออกไปค่อนข้างเยอะแล้วครึ่งปีหลังยิ่งหากการเมืองมีความชัดเจนน่าจะเป็นจุดที่ฟันด์โฟลว์จะกลับเข้ามาได้ โดยดัชนีสิ้นปี ณ ปัจจุบันให้ไว้ที่ 1,630 จุด บนพื้นฐานที่การเมืองเรียบร้อยดี แต่หากเกิดตรงข้ามคงต้องประเมินสถานการณ์ใหม่อีกครั้ง

“ด้านกลยุทธ์การลงทุนในระยะนี้กลุ่มที่ยังแนะนะนำคือหุ้นในกลุ่ม Global Play และกลุ่ม Defensive มองว่าจะเคลื่อนไหวได้กว่าตลาด เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มพลังงานต้นน้ำ กลุ่มโรงกลั่น เป็นต้น กลุ่มเหล่านี้ยังแนะนำทยอยสะสมได้” นายณัฐพลกล่าว

Advertisment

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด รายงานว่า วันนี้กำหนดการเลือกนายกรัฐมนตรี เริ่มเปิดประชุมเวลา 09.30 น. โดยจะมีการอภิปรายของ ส.ส. และ ส.ว. รวมราว 6 ชั่วโมง และคาดว่าจะเริ่มลงคะแนนโหวตนายกรัฐมนตรีราว 17.00 น. โดยเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีการทำข้อตกลง MOU ร่วมกันมีเพียง 312 เสียง ซึ่งขาดอีก 64 เสียง ซึ่งต้องพึ่งพาเสียงจาก ส.ว. ซึ่งต้องติดตามว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร

ภายใต้สถานการณ์แวดล้อมที่เกิดขึ้น ถือได้ว่ามีความไม่แน่นอนสูง และอาจทำให้การโหวตนายกฯครั้งแรก อาจไม่ได้ข้อสรุป และอาจต้องติดตามการโหวตครั้งถัดไปในวันที่ 19-20 ก.ค. 2566

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัสเห็นว่า ประเด็นการเมืองจะยังคงผันผวนไม่รู้ผลลัพธ์ที่แน่นอน ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาส

ผันผวน ภายใต้มูลค่าการซื้อขายที่เบาบางต่อไป จนกว่าจะเห็นความชัดเจน และเชื่อว่าเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ยังคงไม่ไหลเข้ามาสะสมในเร็ววัน โดยวันนี้มองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี SET Index ในกรอบ 1,475-1,500 จุด

Advertisment

บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานว่า วานนี้ดัชนี SET Index ปรับลงสวนทางกับทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค กังวลความขัดแย้งทางการเมืองรอบใหม่ หลังพรรคก้าวไกลอ้างว่า กกต. จงใจเลือกปฏิบัติในกรณีที่มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส. ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลสิ้นสุดลง จากกรณีมีชื่อถือครองหุ้นสื่อ ITV

ในกรณีนี้พรรคก้าวไกลเห็นว่ามีการเสนอศาลอย่างเร่งรีบและปฏิบัติไม่ครบถ้วนตามระเบียบที่ กกต. ได้กำหนดขึ้นมาอาจเป็นการทำผิดหรือละเว้นการปฏิบัติตามมาตรา 157 แต่อย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญยังคงรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเป็นปกติศาลยังไม่พิจารณารอตรวจคำร้องตามกระบวนการศาล

จึงมองวันนี้มีความเป็นไปได้ใน 2 กรณี คือ 1.ส.ว.จำนวนหนึ่งเสนอให้เลื่อนการโหวตนายกฯออกไปเพื่อรอคำสั่งจากศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับเรื่องร้องเรียนในกรณีถือหุ้นสื่อของนายพิธาหรือไม่ 2.มีการโหวตเลือกนายกฯแล้วรอดูผลว่านายพิธาจะผ่านด่าน ส.ว.หรือไม่

“เรามองแนวทางในการเกาะกลุ่มของ 8 พรรคการเมืองที่จะจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นปัจจัยที่ทำให้โอกาสการลงถนนของผู้ชุมนุมประท้วงน่าจะมีน้อยกว่าการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง และมองว่าเพื่อไทยมีโอกาสที่จะได้รับเลือกในการโหวตนายกฯ เรามองว่าสูตรนี้นักลงทุนในตลาดน่าจะชอบมากที่สุด”