คอลัมน์ : เช็กกระแสหุ้น
หุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (10-14 ก.ค.) ผันผวนจากปัจจัยการเมือง
“ณัฐชาต เมฆมาสิน” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในเดือน มิ.ย. 2566 ที่ต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี
- เปิด 10 อันดับที่ดินต่างจังหวัด แพงสุดในประเทศไทย
- กรมอุตุฯเตือน รับมือฝนตกหนักอีกรอบ 17-19 พ.ค.นี้ หนักสุดถึง 70% ของพื้นที่
- เปิด 10 อันดับทำเลที่ดินกรุงเทพฯ และปริมณฑล แพงสุด-ถูกสุด
ส่งผลให้ตลาดมองบวกและคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้ายในการประชุมเดือน ก.ค.นี้ แต่หุ้นไทยก็ยังถูกความไม่แน่นอนทางการเมืองกดดันทำให้ปรับตัวขึ้นไม่มาก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น ๆ
โดยเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ผลการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีรอบแรก ยังไม่ผ่าน แต่ตลาดก็ไม่ได้ปรับตัวลงมากนัก เพราะมีการมองไปถึงการโหวตรอบที่สองวันที่ 19 ก.ค. และหุ้นบางกลุ่มที่เคยร่วงแรงในช่วงที่พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง ก็มีการปรับตัวบวกขึ้นมาได้ ทำให้เป็นกลุ่มที่ช่วยพยุงตลาด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพลังงาน กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มไอซีทีและกลุ่มรับเหมา
มองไปในช่วงสัปดาห์หน้า (17-21 ก.ค.) “ณัฐชาต” กล่าวว่า ประเมินตลาดหุ้นไทย ยังผันผวนจากประด็นการเมืองที่ไม่แน่นอนอยู่ โดยยังคงต้องติดตามทั้งประเด็นในสภา อย่างการโหวตเลือกนายกฯ รอบใหม่ และประเด็นนอกสภาเรื่องของคดีถือหุ้นสื่อของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รวมไปถึงการชุมนุมที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุน โดยประเมินกรอบแนวรับที่บริเวณ 1,470 จุด และแนวต้านที่ 1,540 จุด
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (blackout period) แล้ว ดังนั้นบรรยากาศน่าจะทรง ๆ ไปจนกว่าจะถึงกำหนดการประชุมเฟดในวันที่ 25-26 ก.ค.นี้
กลยุทธ์การลงทุนในระยะนี้ เเนะนำให้ wait & see และไม่แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน แต่หากนักลงทุนต้องการลงทุน ก็แนะนำหุ้นในกลุ่มพลังงาน กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มสื่อสาร รวมถึงกลุ่มรับเหมา ซึ่งเป็นกลุ่มที่ล้อไปกับการเมืองภายในประเทศ