สร้างเข็มทิศการลงทุนด้วย Goal Based Investing

หุ้น-การลงทุน
บทความโดย “ภก.ธริญญ์รัฐ ปิยะศิริโสฬส”
ที่ปรึกษาการเงินอิสระ AFPT™

วันที่ 27 กรกฎาคม 2566 เมื่อสนใจเริ่มต้นลงทุน แต่อาจมีคำถามว่าเราจะลงทุนในอะไร” หากตั้งคำถามกับตัวเองแบบนี้ มักเกิดจากการไม่มีเป้าหมายการลงทุน และผลที่ตามมามักพุ่งเป้าที่ผลตอบแทนเป็นหลัก จนลืมความเสี่ยง

ความเสี่ยงของการลงทุน หมายถึง ความผันผวนของผลตอบแทนที่ส่งผลกระทบให้เป้าหมายการลงทุนหรืออาจกระทบต่อเป้าหมายการเงินอื่น ด้วย ดังนั้นหากพุ่งเป้าไปที่ผลตอบแทนเป็นอันดับแรก อาจเผชิญกับความเสี่ยงที่สูงเกินความจำเป็น

ดังนั้น ก่อนเริ่มลงทุนควรเปลี่ยนคำถามจากเราจะลงทุนในอะไร” เป็นทำไมเราต้องลงทุน” อาจพบคำตอบของแผนการลงทุนที่ไม่เสี่ยงจนเกินไป สามารถลงทุนตามแผนที่วางเอาไว้ และถึงเป้าหมายในระยะเวลาที่กำหนด

สำหรับการวางแผนการลงทุนแบบมีเป้าหมาย (Goal Based Investing) หมายถึง เมื่อเริ่มลงทุน ควรสำรวจตัวเองว่า เป้าหมายการลงทุน คืออะไร ระยะเวลาที่ต้องการไปให้ถึงเป้าหมาย และทรัพยากรการลงทุนเป็นอย่างไร จากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนการเลือกสินทรัพย์ลงทุนและสร้างแผนการลงทุน

จะเห็นได้ว่า Goal Based Investing ไม่ได้คำนึงถึงผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นอันดับแรก แต่จะคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนและระยะเวลาในการลงทุน และเงินลงทุนที่ตัวผู้ลงทุนสามารถจัดสรรมาสำหรับแต่ละเป้าหมาย ซึ่งหมายถึงเงินลงทุนตั้งต้น และเงินลงทุนสมทบรายงวด

Advertisment

ตัวอย่างการตั้งเป้าหมายการลงทุน ปัจจุบันอายุ 30 ปี ต้องการเริ่มต้นลงทุนเดือนละ 15,000 บาท โดยมีเป้าหมายมีเงินก้อนจำนวน 10 ล้านบาท สำหรับใช้จ่ายหลังเกษียณอายุที่ 55 ปี

จากข้อมูลนี้ สามารถคำนวณหาอัตราผลตอบแทนคาดหวังได้ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 6% ต่อปี ตลอดระยะเวลา 25 ปีของแผนการลงทุน หลังจากนั้นจึงจะไปเริ่มจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามความคาดหวัง

ในทางกลับกัน หากไม่ทราบว่าเป้าหมายการลงทุนคืออะไร มักจะพุ่งความสนใจไปที่ผลตอบแทนเป็นอันดับแรก ด้วยการเริ่มต้นเลือกสินทรัพย์ลงทุน ทำให้ไม่ทราบว่าเงินลงทุนที่ใช้ควรจะมีมากน้อยเพียงไร และอาจเผชิญกับความเสี่ยงหรือความผันผวนสูงเกินความจำเป็น เช่น นำเงิน 500,000 บาท ไปลงทุนในหุ้นรายตัวเพื่อให้ได้เงิน 10 ล้านบาท โดยไม่ทราบถึงความเสี่ยงของแผนการลงทุน เช่น ต้องใช้เวลานานเท่าไรจึงจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

จากภาพที่ 1 ในระหว่างปี 1900, 2020 หากเลือกลงทุนในตราสารทุน 100% ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีจะอยู่ที่ 9.6% ต่อปี แต่ในบางปีอาจขาดทุนสูงถึง 27.9% ในทางกลับกัน หากเลือกลงทุนในตราสารหนี้ 100% ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีจะอยู่ที่ 5% แต่ในบางปีก็อาจขาดทุน 6.1%

Advertisment

ดังนั้น หากกำหนดเป้าหมายการลงทุน จากนั้นก็จัดสรรสินทรัพย์การลงทุน โดยลงทุนในตราสารหนี้ 70% ตราสารทุน 30% ซึ่งให้ผลตอบแทนเฉลี่ย (ภาพที่ 1) ที่ 6.8% ต่อปี ก็จะมีโอกาสได้รับเงิน 10 ล้านบาทในเวลา 25 ปี โดยใช้เงินลงทุนเดือนละ 15,000 บาท ตลอดระยะเวลาของแผนการ ขณะที่ความผันผวนที่ได้รับก็น้อยกว่าการนำเงินไปลงทุนในตราสารทุน 100%

อย่างไรก็ตาม การวางแผนการลงทุนแบบ Goal Based Investing ไม่ได้มีเพียงการตั้งเป้าหมายการลงทุนเพียงเท่านั้น แต่ต้องให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนรับได้เป็นสำคัญด้วย เพราะถึงแม้แผนการลงทุนจะได้รับผลตอบแทนตามคาดหวังแต่กลับมีความเสี่ยงสูงเกินไป หรือผู้ลงทุนอาจเปลี่ยนแผนการลงทุนในระหว่างทาง เป็นต้น ดังนั้น ก่อนตัดสินใจใช้แผนการลงทุนดังกล่าวควรพิจารณาข้อมูลให้ครบถ้วน

 เมื่อมีเข็มทิศทางการลงทุนจะช่วยให้มีเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจน ทราบระยะเวลาและจำนวนเงินที่ต้องใช้สำหรับแผนการลงทุน ซึ่งแผนการลงทุนแบบ Goal Based Investing เป็นอีกทางเลือกที่จะนำไปสู่เป้าหมายทางการลงทุนที่ตั้งใจไว้