แอน จักรพงษ์ และน้องสาว พิมพ์อุมา เทขายหุ้น JKN ออกจากพอร์ตรวมกัน 99.32 ล้านหุ้น มูลค่า 128.67 ล้านบาท ช่วงวันที่ 31 ส.ค.-4 ก.ย.
วันที่ 6 กันยายน 2566 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นของผู้บริหาร (แบบ 59) ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN
- เปิด 10 อันดับที่ดินต่างจังหวัด แพงสุดในประเทศไทย
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- เปิด 10 อันดับทำเลที่ดินกรุงเทพฯ และปริมณฑล แพงสุด-ถูกสุด
โดยพบว่า แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ได้ดำเนินกาารขายหุ้น JKN ออกมาทั้งหมด 2 ครั้ง รวมจำนวน 92.06 ล้านหุ้น มูลค่า 116.91 ล้านบาท ประกอบด้วย
– เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ขายออกไป 92,027,375 หุ้น สัดส่วน 8.9200% ที่ราคาหุ้นละ 1.27 บาท คิดเป็นเงิน 116,874,766.25 บาท ทำธุรกรรมผ่าน บล.หยวนต้า/บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง/บล.หลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ บัญชีมาร์จิ้น
– เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ขายออกไป 36,800 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 1.07 บาท คิดเป็นเงิน 39,376 บาท
นอกจากนี้ยังพบว่า นางสาวพิมพ์อุมา จักราจุฑาธิบดิ์ กรรมการ JKN และเป็นน้องสาว แอน-จักรพงษ์ ได้ดำเนินการขายหุ้น JKN ออกไปเมื่อวันที่ 31 ส.ค. จำนวน 7,262,800 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 1.62 บาท คิดเป็นเงิน 11,765,736 บาท
โดยหากสรุปรวมจำนวนหุ้นที่ แอน-จักรพงษ์ และน้องสาว ได้ดำเนินการขายออกไปนั้น รวมทั้งสิ้น 99,326,975 หุ้น มูลค่ากว่า 128,679,878.25 บาท
ทั้งนี้ ก.ล.ต. รายงานข้อมูลแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ (แบบ 246-2) พบว่า บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ได้โอนหุ้นให้ แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ โดยระบุเหตุผลว่า “ให้โดยเสน่หา” ดังนี้
– เมื่อวันที่ 31 ส.ค. จำนวน 30 ล้านหุ้น สัดส่วน 2.9078%
– เมื่อวันที่ 5 ก.ย. จำนวน 47 ล้านหุ้น สัดส่วน 4.5556%
ส่งผลให้จำนวนหุ้นที่ แอน-จักรพงษ์ ถือหลังวันทำรายการทั้งหมด อยู่ที่ 392.28 ล้านหุ้น สัดส่วน 38.0235%
ด้านแอน-จักรพงษ์ กล่าวว่า รายการขายหุ้น JKN นั้น มาจากบัญชีมาร์จิ้นถูกฟอร์ซเซลล์ หรือบังคับขาย เนื่องจากราคาหุ้นตกแรงกว่า 50% ใน 2 วัน แต่แอนก็ได้มีการรับโอนหุ้น JKN เข้ามาเพิ่ม 77 ล้านหุ้น ทำให้ปัจจุบันถือหุ้น JKN ทั้งหมดเพิ่มเป็น 392,287,682 หุ้น คิดเป็น 38% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดอันดับ 1 เหมือนเดิม
“ดิฉันยืนยันว่ายังยืดหยัดบริหาร JKN และยังถือครองหุ้น JKN กว่า 38% ส่วนเรื่องหุ้นกู้นั้น บริษัท JKN มีแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องนี้แล้ว โดยได้ปรึกษาที่ปรึกษากฎหมายและบริษัทผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ที่เกี่ยวข้องทุกราย และจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้รุ่น JKN239A ในวันที่ 27 ก.ย.นี้ เพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ดิฉันและผู้บริหารมีเจตนาที่จะดูแลเงินลงทุนและผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างจริงใจ” แอน-จักรพงษ์ กล่าวสรุป
