ทำไมนักวิเคราะห์ แนะนำเลี่ยงลงทุนหุ้น LVMH ยักษ์ธุรกิจสินค้าแบรนด์หรู

หุ้น

ทำไมนักวิเคราะห์ แนะนำเลี่ยงลงทุนหุ้น LVMH ยักษ์ธุรกิจสินค้าแบรนด์หรู “บล.InnovestX” แนวโน้มเศรษฐกิจยังคงชะลอตัวลง-ปัจจัยมหภาคที่กดดันต่อภาพความต้องการซื้อของผู้บริโภคทั่วโลก เผชิญความเสี่ยงความขัดแย้งระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น รายได้ไตรมาส 3/66 

วันที่ 18 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แอลวีเอ็มเอช โมเอต์ เฮนเนสซี่ หลุยส์ วิตตอง (LVMH Moet Hennessy Louis Vuitton) หรือที่รู้จักกันในชื่อ แอลวีเอ็มเอช (LVMH) เป็นเครือบริษัทมหาชนข้ามชาติของสหภาพยุโรป ในธุรกิจสินค้าหรูหราที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยครอบคลุมแบรนด์ต่าง ๆ มากมาย เช่น ไวน์และสุรา สินค้าแฟชั่นและเครื่องหนัง น้ำหอมและเครื่องสำอาง นาฬิกาและเครื่องประดับ และร้านค้าปลีกแบบเฉพาะ

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) รายงานว่า LVMH เผยยอดขายในไตรมาส 3/2566 เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) อยู่ที่ 19.9 พันล้านยูโร ซึ่งเป็นระดับการเติบโตที่ชะลอตัวลง ผลกระทบจากรายได้ในกลุ่มธุรกิจหลักอย่าง Fashion และ Leather ซึ่งมีแบรนด์ Dior และ Louis Vuitton นั้นออกมาต่ำกว่าคาด และโตเพียง 9% YOY

ขณะที่ส่วนธุรกิจไวน์และสุรา รายได้ยังคงลดลง 14% YOY นอกจากนี้ รายได้แบบ Organic ในส่วนยุโรป ญี่ปุ่น และส่วนอื่น ๆ ของเอเชียมีการเติบโตในระดับเลขสองหลัก

เศรษฐกิจอ่อนแอฉุดรายได้ไตรมาส 3

โดยฝ่ายวิจัย InnovestX มีมุมมองว่า ภาพรวมรายได้ของ LVMH ในไตรมาส 3/2566 ออกมาสะท้อนได้ว่า ธุรกิจมีแรงกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ โดย 1.ภาพกำลังซื้อชะลอตัวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในสหรัฐ ที่การ

เติบโตชะลอตัวมาก เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น 2.ภาพการฟื้นตัวในจีนยังไม่สม่ำเสมอ ประกอบกับแรงกดดันในฝั่งยุโรปยังคงมีอยู่มาก

ทำให้มองว่าแม้การเติบโตในภูมิภาคเหล่านี้จะเป็นสองหลัก แต่คาดว่ายังคงไม่ได้มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จนหนุนการเติบโตได้ หลังภาพรวมรายได้ทั้งกลุ่มออกมาต่ำกว่าคาด และชะลอตัว 3.ภาพความต้องการในกลุ่ม

สินค้าไวน์ และสุราหดตัวลงเช่นกัน โดยยอดขายลดลง 14% YOY หลังบริษัทเผยว่า ได้รับผลกรทบจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

4.ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า ส่งผลกระทบเชิงลบต่องบคาดการณ์ในปี 2566 ราว 4% ซึ่งบริษัทคาดว่า จะส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ต่อเนื่อง

กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยโดนแรงกดดันทั่วทุกภูมิภาค

ระยะสั้น InnovestX มองว่าธุรกิจหลักของ LVMH ที่ภาพรวมอยู่ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยยังคงมีแรงกดดัน

ทั่วทุกภูมิภาค โดย 1.สหรัฐ คาดว่าความต้องการผู้บริโภคจะยังคงชะลอตัวลงจนส่งผลกระทบต่อยอดขายต่อเนื่อง หลังแรงกดดันจากปัจจัยมหภาคยังคงดำเนินอยู่ เช่น ดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ปริมาณเงินออมส่วนเกินในสหรัฐเริ่มหดตัว 2.ยุโรป ถึงแม้ภาพรวมอุปสงค์จะได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวและเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลง

แต่ InnovestX มองว่าในระยะถัดไปธุรกิจในส่วนนี้ยังคงมีความเสี่ยง จากภาพปัจจัยมหภาคในยูโรโซนเช่นกัน เช่น ราคาน้ำมันที่ฝันผวน ซึ่งอาจทำให้เงินเฟ้อพิ่มขึ้นได้ ประกอบกับภาพความขัดแย้งระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มฮามาสและอิสราเอล ซึ่งอาจจะส่งผลกรทบต่อความชื่อมั่นของผู้บริโกคได้

3.เอเชีย ภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ช้ากว่าคาด อาจส่งผลกระทบต่อยอดขายในกลุ่ม อย่างไรก็ดีมองว่าผลกระทบดังกล่าวค่อนข้างจำกัด หลังภาพอุปสงค์การใช้จ่ายในจีนยังคงมีอยู่ สะท้อนได้จากยอดขายในกลุ่ม E-commerce เช่น Alibaba และ JD.com ประกอบกับการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวที่ทำให้คาดว่ายอดขายกลุ่มจะได้รับอานิสงส์ดีเช่นกัน

โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่มีเทศกาลวันหยุดมาก ด้วยภาพนี้ทำให้คาดว่าภาคส่วนนี้จะยังคงเป็น Bight spot และเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนสำคัญที่ช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าในกลุ่ม LVMH ได้ในระยะถัดไป

ระยะยาวแกร่ง มีอำนาจเหนือตลาด

ระยะยาว InnovestX เชื่อว่า LVMH เป็นอีกหนึ่งในบริษัทที่มีความสามารถทางการแข่งขันมากที่สุดในกลุ่ม หลัง 1.มีความเป็นผู้นำตลาดและมีส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ ส่งผลให้บริษัทมีอำนาจในการกำหนดราคาที่แข็งแกร่ง ภาพนี้จะช่วยหนุนการอัตราการเติบโตของกลุ่มธุรกิจได้

2.กลุ่มบริษัทมีแบรนด์จำนวนมากในหลากหลายกลุ่มธุรกิจทั้งจากน้ำหอม แฟชั่น รวมถึงเครื่องประดับและนาฬิกา ทำให้บริษัทได้รับผลประโยชน์ขนาดและความสามารถในการรองรับการขยายอัตรากำไร 3.ภาพรวมชื่อเสียงแบรนด์ในกลุ่มมีความแกร่ง รวมถึงฐานลูกค้าที่มั่นคงและกำลังซื้อมาก ช่น Celine, Dior, loewe

4.สินค้าในภาพรวมอยู่ในกลุ่มสินค้าหรูหราที่มีมูค่าเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพการขยายตัวของมาร์จิ้นดูดี 5.ฐานะทางการเงินแกร่ง และภาระหนี้สินต่ำ ทำให้มีกระแสงินสด สำหรับการลงทุนและข้อตกลงขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักของบริษัท

เลี่ยงลงทุน จนกว่าเศรษฐกิจฟื้นตัว

ในส่วนมุมมองการลงทุน ถึงแม้มูลค่าหุ้น (Valuation) ในปัจจุบันที่ระดับ PE ที่ 22.2 เท่า จะน่าสนใจเมื่อเทียบกับระดับค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่ 27.7 เท่า แต่ด้วยภาพแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวลง และปัจจัยมหภาคที่กดดัน

ต่อภาพความต้องการซื้อของผู้บริโภคทั่วโลก ประกอบกับความเสี่ยงความขัดแย้งระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น จึงมองว่าการลงทุนในระยะถัดไปยังคงมีดาวน์ไซด์กระทบต่อราคาหุ้น LVMH ซึ่งยังคงแนะหลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อน จนกว่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่คาดว่าการลงทุนในช่วงนั้นน่าจะให้ Risk-Reward ที่คุ้มค้ามากกว่าปัจจุบัน

ทั้งนี้ Bloomberg ให้ราคาเป้าหมายของหุ้น  LVMH อยู่ที่ 886.1 ยูโร/หุ้น มีอัพไซด์กว่า 32.57% เทียบจากราคาปิดเเมื่อ 17 ต.ค. 2566 อยู่ที่ 668.40 ยูโร/หุ้น โดย Bloomberg คาดการณ์รายได้ปี 2566 เติบโต 10.6% และปี 2567 เติบโต 7.9% ขณะที่กำไรต่อหุ้น (EPS Growth) คาดปีนี้เติบโต 16.5% และปีหน้าเติบโต 8.3%