
“ทรีนีตี้” ประเมิน SET เดือน พ.ย. แนวรับ 1,350 จุด แนวต้าน 1,450 จุด ชี้ “เฟด-สงคราม-และผลประกอบการ Q3 ที่อ่อนแอ” ยังกดหุ้นในช่วงครึ่งเดือนแรก ส่วนครึ่งเดือนหลังมองดีขึ้น จากข่าวร้ายที่สะท้อนเข้าไปในราคา ความคาดหวังมาตรการภายใน รวมถึงการฟื้นตัวของหุ้น DELTA แนะถือครองหุ้นที่ได้เข้าสะสมมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก
วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนเดือน พ.ย. 2566 ว่า สำหรับภาพตลาดหุ้นไทยในเดือนพ.ย. คาดว่าจะอยู่ในช่วงสุดท้ายของการสร้างฐานรอบนี้
- ครม.เคาะแล้ว ซื้อสินค้าลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 5 หมื่นบาท เริ่ม 1 ม.ค. 67
- MOTOR EXPO 2023 ยอดขายรถ 4 วันแรกทะลุ 8,300 คัน
- EV จีน ทุบราคาเลือดสาด ฉางอาน-กว่างโจวท้ารบ BYD เกทับลดอีกแสน
โดยในช่วงแรกของเดือน ดัชนีอาจจะยังปรับตัว Overhang จากความไม่ชัดเจนของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) รวมไปถึง Noise รบกวนจากการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่ยังคงยืดเยื้อ และผลประกอบการไตรมาส 3 ของ บจ.ไทยที่อ่อนแอ โดยเฉพาะกลุ่มที่อิงกับอุปสงค์ภายในประเทศ
อย่างไรก็ดี พอเวลาดำเนินไป ประเมินว่าปัจจัยเหล่านี้จะสะท้อนเข้าไปอยู่ในราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ มากขึ้น จนทำให้ในช่วงครึ่งเดือนหลัง อาจเริ่มเห็นความคาดหวังเชิงบวกที่เข้ามากระทบได้บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีปัจจัยใดที่ทำให้เชื่อได้ว่า Fed ได้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งสุดท้ายผ่านพ้นไปแล้ว ไม่นับรวมกับข่าวดีทางด้านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศที่คาดว่าจะออกมามากขึ้น และการทยอยปรับตัวขึ้นของหุ้น DELTA หากข้อมูลการซื้อขายเดือนนี้ยืนยันการดำรงอยู่ของตัวหุ้นในดัชนีสำคัญต่อไปในปีหน้า ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET ในเดือน พ.ย.จะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 1,350 จุด และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 1,450 จุด
สำหรับปัจจัยสำคัญที่น่าติดตามในเดือนนี้ ได้แก่
1.ความชัดเจนของมาตรการ Digital Wallet โดยต้องรอติดตามจากการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่
2.การประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนประจำไตรมาส 3/66 รวมถึงแนวโน้มในช่วงถัดไป ซึ่งจะส่งผลต่อการปรับประมาณการของนักวิเคราะห์ในตลาด รวมถึง Valuation ของดัชนีโดยอัตโนมัติ
3.ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่จะออกมาในเดือนนี้ รวมถึงความเห็นของกรรมการ Fed คนต่าง ๆ ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อไปยัง Fed Funds futures และการปรับตัวของ Bond yield และ 4.พัฒนาการของสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส
ในเชิงกลยุทธ์ แนะถือครองหุ้นที่ได้เข้าสะสมมาก่อนหน้านี้ มองกลุ่มที่น่าสนใจยังคงได้แก่กลุ่มค้าปลีกที่อิงกับการบริโภคภายในประเทศ ได้ประโยชน์จากมาตรการลดค่าครองชีพ และเตรียมได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายในช่วงถัดไป ซึ่งส่วนใหญ่หุ้นในกลุ่มนี้ Earnings เตรียมจะปรับตัว Bottom out จากจุดต่ำในไตรมาส 3 ได้ อาทิ CPALL, CPAXT, BJC, CRC, HMPRO, GLOBAL, DOHOME, TNP
“วานนี้ (31 ต.ค.) ธปท.รายงานตัวเลขฐานเงินอย่างกว้าง (M2) เดือน ก.ย.พลิกกลับมาปรับตัวสูงขึ้น MOM ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน สร้างความคาดหวังเชิงบวกต่อสภาพคล่องในตลาดหุ้นไทยได้บ้าง ทั้งนี้ จากการศึกษาของเราพบว่าตัวเลขดังกล่าวมักมีความสัมพันธ์ในระดับสูงกับการมีส่วนร่วมของนักลงทุนทั่วไป รวมถึง Performance ของหุ้นขนาดกลาง-เล็กในช่วงถัดไป ดังนั้นหากสัญญาณ M2 ยังคงดีขึ้นต่อเนื่อง เราอาจคาดหวังการทยอยฟื้นตัวของหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ทั้งในแง่ของสภาพคล่องและในมิติของผลตอบแทนขึ้นมาได้บ้าง หลังจากที่กลุ่มดังกล่าวปรับตัว Underperform มาตลอดทั้งปีนี้” นายณัฐชาตกล่าว