กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขาย 35.70-36.40 บาท จับตาภาวะชัตดาวน์สหรัฐ 17 พ.ย.นี้

เงินบาท

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประเมินกรอบเงินบาทซื้อขายในกรอบ 35.70-36.40 บาทต่อดอลลาร์ เผยตลาดจับตาตัวเลขราคาผู้บริโภคสหรัฐ-ภาวะ Government Shutdown 17 พ.ย.นี้

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 35.70-36.40 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 35.88 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 35.38-35.94 บาท/ดอลลาร์

ขณะที่ในระหว่างสัปดาห์เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 2 เดือน เงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเงินเยนแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 ปี

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) สหรัฐปรับตัวผันผวน หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่ายังไม่มั่นใจว่าอัตราดอกเบี้ยสูงเพียงพอแล้วที่จะประกาศชัยชนะในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และเฟดจะไม่ลังเลที่จะขึ้นดอกเบี้ยอีกหากจำเป็น โดยเฟดจะดำเนินการด้วยความระมัดระวัง

ท่าทีดังกล่าวส่งผลให้สัญญาล่วงหน้าดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ เลื่อนคาดการณ์แนวโน้มการลดดอกเบี้ยครั้งแรกออกไปเป็นเดือนมิถุนายน 2567 นอกจากนี้ การประมูลพันธบัตรสหรัฐรุ่น 30 ปียังเผชิญกับภาวะอุปสงค์อ่อนแอ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 9,343 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตร 10,678 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่าตลาดการเงินโลกจะติดตามข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และยอดค้าปลีกเดือนตุลาคมของสหรัฐเพื่อประเมินทิศทางนโยบายเฟดต่อไป อีกทั้งนักลงทุนจะให้ความสนใจกับการพบกันระหว่างผู้นำจีนกับสหรัฐในการประชุม APEC รวมถึงเส้นตายที่งวดเข้ามาอีกครั้งสำหรับภาวะ Government Shutdown ในสหรัฐวันที่ 17 พฤศจิกายน

สำหรับปัจจัยในประเทศ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนตุลาคมของไทยลดลง 0.31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 25 เดือน และอยู่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเป็นเดือนที่ 6 จากการลดลงของสินค้ากลุ่มพลังงานและสินค้าอุปโภคบริโภค เนื่องจากมาตรการลดค่าครองชีพ

ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมอาหารสดและพลังงาน สูงขึ้น 0.66% ทั้งนี้ ช่วง 10 เดือนแรกปี 2566 เงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้น 1.60% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน เพิ่มขึ้น 1.41% โดยก.พาณิชย์คงประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้ในกรอบ 1.0-1.7%

ข้อมูลดังกล่าวสนับสนุนมุมมองของเราที่ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.50% ตลอดหลายไตรมาสข้างหน้า อนึ่ง ในเบื้องต้นสินทรัพย์สกุลเงินบาทตอบรับเชิงลบต่อแผนการกู้ยืมสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการ Digital Wallet ทั้งนี้ รัฐบาลวางกรอบว่าภายในเดือนพฤศจิกายน 2566 จะมีการส่งกฤษฎีกาตีความเรื่อง พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทต่อไป