หุ้นไทยผันผวนชวนเล่นสั้น วันนี้คาดหวัง FETCO พบคลังออกกองทุน ESG

หุ้นไทย SET
Photo by PORNCHAI KITTIWONGSAKUL / AFP

บล.กรุงศรีฯ ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวนชวนเล่นสั้น แกว่งตัวกรอบ 1,380-1,400 จุด ได้แรงหนุนราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นหลังโอเปกเพิ่มคาดการณ์ดีมานด์น้ำมันโลกในปีนี้ ความคาดหวัง FETCO เข้าหารือคลังเพื่อสนับสนุนการออกกองทุน ESG หากมีลักษณะคล้าย LTF คาดว่ามีเงินลงทุนในตลาดเพิ่ม 6 หมื่นล้านบาท จนถึง 1 แสนล้านบาทต่อปี

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีฯ รายงานว่า ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ (13 พ.ย.) ดัชนี SET Index ลดลง 2 จุด (-0.18%) ปิดที่ระดับ 1,387 จุด นักลงทุนเทขายหุ้นที่ผลประกอบการออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด อาทิ COM7 กลุ่ม JMART อย่างไรก็ตามดัชนีลดลงจำกัดเนื่องจากยังมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐปรับขึ้นช่วยประคองดัชนี อาทิ กลุ่มค้าปลีก

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ประเมิน SET แกว่งตัวกรอบ 1,380-1,400 จุด โดยภาวะตลาดได้แรงหนุนราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นหลังโอเปกเพิ่มคาดการณ์ดีมานด์น้ำมันโลกในปีนี้ รวมถึงความคาดหวัง FETCO เข้าหารือคลังเพื่อสนับสนุนการออกกองทุนหนุนดัชนี

               

อย่างไรก็ตามยังคงต้องระวังแรงขายจากฟันด์โฟลว์ต่างชาติที่เข้ามาต่อเนื่องจากความไม่แน่นอนของทิศทางดอกเบี้ยของ FED ซึ่งจะกดดันให้ภาวะตลาดผันผวน

ประเต็นที่ต้องติดตาม

โดยวันนี้ติดตามดัชนี CPI สหรัฐ เดือน ต.ค. เพื่อจับทิศทางดอกเบี้ยของเฟด เบื้องต้น Consensus คาดอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) เดือน ต.ค.จะลดลงเป็น 3.3% จาก 3.7% ในเดือน ก.ย. และคาดเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) จะทรงตัวที่ 4.1% เท่ากับเดือน ก.ย.

มองว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะเป็นตัวตัดสินทิศทางดอกเบี้ยที่แท้จริงของสหรัฐ หลังจากที่ประธานเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนคาดเฟดจะคงดอกเบี้ยตามเดิม

และติดตาม FETCO เข้าหารือคลังเพื่อออกกองทุนประหยัดภาษีรูปแบบใหม่: เบื้องต้นคาดว่าจะมีรูปแบบกองทุนคล้ายกับ LTF คือเน้นการลงทุนในระยะยาวสามารถลดหย่อนภาษีได้

แต่จะกำหนดเงื่อนไขของหุ้นที่จะเข้าลงทุนจะเน้นหุ้นที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับหลัก ESG (สิ่งแวดล้อม, สังคม และ การกำกับดูแลที่โป่ร่งใส) หากมีลักษณะคล้ายกับ LTF คาดว่าจะมีเงินลงทุนในตลาด เพิ่มขึ้นราว 6 หมื่นล้านบาท จนถึง 1 แสนล้านบาทต่อปี

หุ้นแนะนำวันนี้

CRC (ปิด 38.75 บาท ซื้อ/เป้า IAA Consensus 48 บาท) ได้ Sentiment บวก
จากมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อรอบใหม่ผ่านโครงการ e-Refund ให้สิทธินำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้ามาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อคน มูลค่ารวม 100,000 ล้านบาท เป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก อาทิ ห้างสรรพสินค้า ที่มียอดจ่ายต่อบิลต่อครั้งสูง ๆ

และ BA (ปิด 15.30 บาท ซื้อ/เป้า IAA Consensus 20.5 บาท) แจ้งกำไรสุทธิไตรมาส 3/2566 เพิ่มขึ้นโดดเด่นที่ 1,911 ล้านบาท เทียบจากขาดทุนสุทธิ 393 ล้านบาท YOY และเพิ่มขึ้น 185% QOQ และดีกว่าที่ตลาดคาด 11% แม้ตัดรายการพิเศษจากการขายหุ้น BDMS ออก จะมีกำไรปกติที่ 800 ล้านบาท ยังเพิ่มขึ้น 19% QOQ