หุ้นไทยผันผวนชวนเล่นสั้น บอนด์ยีลด์สหรัฐอ่อนตัว แต่ราคาน้ำมันทรุดแรง

หุ้นไทย

บล.กรุงศรีฯ ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวกรอบ 1,405-1,430 จุด ได้แรงหนุนบอนด์ยีลด์สหรัฐอ่อนตัว แต่ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงทำจุดต่ำสุดในรอบ 4 เดือน กังวลอุปสงค์ลดลงหลังตัวเลขเศรษฐกิจจีนและสหรัฐอ่อนแอ สัปดาห์หน้าติดตามสภาพัฒน์ประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2566

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีฯรายงานว่า ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ (16 พ.ย.) ดัชนี SET Index เพิ่มขึ้น 0.17 จุด (+0.01%) ปิดที่ระดับ 1,415 จุด ดัชนีผันผวนในกรอบแคบ ตลาดไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ นักลงทุนขายทำกำไรหุ้นอิเล็กฯ และไฟแนนซ์ แต่ยังมีแรงซื้อหุ้นโรงไฟฟ้า ซึ่งมีเซนติเมนต์บวกจากราคาน้ำมันดิบลดลงช่วยประคอง

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ประเมิน SET แกว่งตัวกรอบ 1,405-1,430 จุด แม้จะได้แรงหนุนบอนด์ยีลด์สหรัฐอ่อนตัวลงจากคาดการณ์เฟดจะยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังยอดขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือน และตัวเลข CPI, PPI ชะลอตัวลง

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงแรงจากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐและจีนชะลอตัวจะกดดันให้ดัชนีผันผวน

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนความผันผวนชวนเล่นสั้น เลือกซื้อ GULF GPSC BGRIM TASCO SCGP อานิสงส์ราคาน้ำมันอ่อนตัวลง PSL TTA อานิสงส์ค่าระวางเรือดีดตัวขึ้น MTC SAWAD KTC AEONTS ASK อานิสงส์บอนด์ยีลด์อ่อนตัวลง

Advertisment

โดยหุ้นแนะนำวันนี้คือ GPSC (ปิด 47.25 บาท ซื้อ/เป้า IAA Consensus 57.40 บาท) ได้เซนติเมนต์บวกจากราคาน้ำมันดิบร่วงแรง ส่งผลดีต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของ GPSC ขณะเดียวกันยังได้ผลบวกจากบอนด์ยีลด์ที่ลดลง และเป็นหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้ถูกปรับออกจากดัชนี MSCI

และ EPG (ปิด 7.25 บาท ซื้อ/เป้า IAA Consensus 9.25 บาท) ได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบลดลง ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2/2566 (มิ.ย.-ก.ย.) มีกำไรสุทธิ 431 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% QOQ และ 12% YOY สูงสุดในรอบ 9 ไตรมาส สะท้อนงบฯผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว แต่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนแนวโน้มดังกล่าว

ประเด็นสำคัญวันนี้คือ 1.น้ำมันดิบ WTI ร่วงทำจุดต่ำสุดในรอบ 4 เดือน กังวลอุปสงค์ลดลงหลังตัวเลขเศรษฐกิจจีนและสหรัฐอ่อนแอ โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 3.76 เหรียญ (-4.9%) ปิดที่ 72.9 เหรียญ/บาร์เรล

โดยจีนรายงานราคาบ้านใหม่ใน 70 เมืองใหญ่ลดลง 0.38% ในเดือน ต.ค. ลดลงมากสุดในรอบ 8 ปี สหรัฐการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.6% ในเดือน ต.ค. และตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 13,000 ราย สู่ระดับ 231,000 ราย สูงสุดในรอบ 3 เดือน

Advertisment

2.นักลงทุนมั่นใจ 99.7% คาดเฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.5% ในการประชุมเดือน ธ.ค.นี้ โดยข้อมูลจาก Fed Watch Tool ของ CME Group และคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในการประชุมปีหน้า ก่อนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก 0.25% ในเดือน พ.ค. 2567

3.สัปดาห์หน้าติดตามสภาพัฒน์ประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2566 ตลาดยังมองบวกคาดขยายตัว 2% เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ตลาดให้ความสำคัญ เพราะจะเป็นตัวชี้วัดถึงภาวะเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วหรือยัง เบื้องต้น Bloomberg Consensus คาด GDP ของไทยจะขยายตัว 2% โตขึ้นจาก 1.8% ในไตรมาส 2/2566 สอดคล้องกับฝ่ายวิจัยของธนาคารกรุงศรีฯ คาดว่าจะขยายตัว 2% เช่นกัน