จับตา 20 พ.ย. พลังเม่าหยุดเทรด ปรากฏการณ์ที่เคยเกิดช่วงค้านภาษีหุ้น

หุ้นตก

จับตาจันทร์ที่ 20 พ.ย.นี้ พลังเม่ารวมตัวสร้างปรากฏการณ์หยุดเทรด ต่อต้านผู้กำกับตลาดทุน หลังเกิดวิกฤตศรัทธาหนัก จากธุรกรรมชอร์ตเซล “ภากร” ย้ำหุ้นลงอย่ามองเป็นเรื่อง Naked Short Sell แต่เป็นปัจจัยเกิดขึ้นทั่วโลก ขอให้มั่นใจ ไม่ปล่อยปละละเลย ย้อนรอย 8 ธ.ค. 65 รายย่อยหยุดเทรดค้านเก็บภาษีขายหุ้น พบวอลุ่มต่ำสุดในรอบสัปดาห์นั้น

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่มีกระแสข่าวว่าในวันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2566 นักลงทุนรายย่อยได้นัดรวมตัวกันสร้างปรากฏการณ์ พร้อมใจกันจะหยุดเทรดเพื่อแสดงการต่อต้านต่อผู้กำกับดูแลตลาดทุน หลังตลาดหุ้นไทยเกิดวิกฤตความศรัทธาอย่างหนัก จากการทำธุรกรรมชอร์ตเซล และการใช้ระบบส่งคำสั่งซื้อขายความถี่สูง (HFT) ที่ไม่เป็นธรรมในการลงทุน

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขั้นตอนที่ตลาดหลักทรัพย์ฯดำเนินการในการตรวจสอบชอร์ตเซลนั้น ปัจจุบันมีการรันข้อมูลทุกบัญชีเป็นรายวัน โดยดูทั้งกลุ่มนักลงทุนที่ยอมรับในการยืมหุ้นมา จะมีการสุ่มถามตรวจสอบความถูกต้อง และกลุ่มที่มีการซื้อขายระหว่างวันหรือขายก่อนแล้วซื้อกลับแต่ไม่ได้ยืม โดยจะมีการสอบถามบริษัทสมาชิกให้กรอกหลักฐานการยืม ก่อนการสั่งซื้อขายมีการได้ยืมหุ้นจากที่อื่นหรือไม่ ในจำนวนที่มากกว่าขายและเป็นเวลาก่อนที่จะขาย

ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการตรวจสอบ Naked Short มาโดยตลอด โดยหากพบข้อสงสัยจะมีการสอบถามไปยังบริษัทสมาชิก ซึ่งก็มีการแสดงหลักฐานอย่างครบถ้วน ดังนั้นตอนนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบกรณีการทำชอร์ตเซลที่ผิดกฎหมาย

สำหรับการส่งคำสั่งที่อาจจะไม่เหมาะสม หรืออาจเข้าข่ายการทำราคากับนักลงทุนทุกกลุ่ม ได้มีการประเมินคำสั่งให้เหมาะสมตลอดเวลา ซึ่งกรณีการส่งคำสั่งซื้อของนักลงทุนต่างชาติกลุ่มโปรแกรมเทรดดิ้ง มีการประเมินคำสั่งให้เหมาะสม ซึ่งเคยมีการส่งเคสไปให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้วเช่นกัน

“ขอให้มั่นใจว่าตลาดหลักทรัพย์ฯไม่เคยละเลยการทำงานในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย หากแต่ราคาหุ้นที่ลงอย่ามองเป็นเรื่อง Naked Short Sell แต่เป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นทั่วโลก จึงอยากให้นักลงทุนมีความมั่นใจว่าเราไม่ปล่อยปละละเลย ให้ความสำคัญมาโดยตลอด”

ผู้จัดการตลาดหุ้นไทย กล่าวอีกว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯขอให้ความมั่นใจว่าพยายามกำกับดูแลให้นักลงทุนทุกประเภทได้เสมอภาค สิ่งต่าง ๆ ที่ได้รับฟัง และมีความสงสัยให้สอบถามตลาดหลักทรัพย์เข้ามาผ่านทาง Call Center หรือผ่านสำนักข่าวเพื่อประสานมายังหน่วยงานตลาดหลักทรัพย์ฯ

มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ข้อมูล และวิเคราะห์เแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ได้ยินมาเป็นข้อเท็จจริงอย่างไรบ้าง ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมที่จะตอบเรื่องพวกนี้ให้ชัดเจนเพื่อจะได้สร้างความมั่นใจให้กับตลาดทุนไทย

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า มองว่านักลงทุนอาจจะมีความคิดที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ประเมินได้ยากที่จะมีการหยุดเทรดมากน้อยเพียงใด โดยสัดส่วนของนักลงทุนรายย่อยอยู่ที่ประมาณ 1 ใน 3 หรือช่วงประมาณ 30% ของตลาดทุน

ถ้าหากนักลงทุนรายย่อยหยุดเทรดหมดก็จะกระทบ 1 ใน 3 ซึ่งก็คิดว่าจะไม่หยุดทั้งหมด เนื่องจากการรวมตัวของนักลงทุนในแต่ละคนมีความคิดที่แตกต่างกัน ที่ผ่านมามีทั้งคนที่ได้และเสียในช่วงขาลง ทำให้ตอบได้ยากว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดทุนมากน้อยเพียงใด

อย่างไรก็ตามมองว่าหุ้นที่เป็นตัวที่โดดเด่นของนักลงทุนรายย่อยอย่างหุ้นกลางและหุ้นเล็กก็อาจจะซบเซาได้ ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่ กองทุนในประเทศ ยังซื้ออยู่ก็จะเคลื่อนไหวปกติได้ โดยในวันจันทร์ที่ 20 พ.ย.นี้ จะมีการเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไทยไตรมาส 3/2566 หากออกมาดี โดยภาพรวมตลาดหุ้นไทยก็น่าจะปรับขึ้น

นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย กล่าวว่า กรณีรายย่อยจะหยุดเทรดมองว่าเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น ไม่ได้มองว่าจะมีผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐาน และไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าวอลุ่มจะหายไปเท่าไร เนื่องจากจำนวนคนและเม็ดเงินแต่ละคนซื้อขายไม่เท่ากัน หากตลาดดีก็อาจจะทำให้คนกลับมาเทรดเหมือนเดิม

ทั้งนี้ปรากฏการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อช่วงวันที่ 8 ธ.ค. 2565 กรณีที่กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดเก็บภาษีขายหุ้นที่ไม่เป็นธรรม โดยมีสมาชิกพันทิปดอทคอมรายหนึ่ง โพสต์หัวข้อในกระทู้ “รวมพลังเม่าหยุดเทรด 1 วัน เพื่อแสดงพลังคัดค้านการเก็บภาษีขายหุ้นที่ไม่เป็นธรรม โดยระบุว่า

ผมอยากเห็นวันที่ 8 ธ.ค. 2565 เป็นวันที่วอลุ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการไม่เห็นด้วยกับมาตรการเก็บภาษีขายหุ้นที่ไม่เป็นธรรมกับรายย่อย

คนที่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการที่ออกมา ให้หยุดส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นในวันนั้น ผมคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยและยืนยันจะไม่ส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นในวันนั้นอย่างแน่นอนครับ ผมเป็นนักลงทุนคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยในมาตรการที่ออกมาที่ไม่เสมอภาคและความไม่เท่าเทียมในสังคม จึงขอให้ท่านใช้วิจารญาณในการตัดสินใจกันเองนะครับ โดยมีสมาชิกจำนวนมากต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็น

โดยขณะนั้น สืบเนื่องจากกระทรวงการคลังได้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2565 เห็นชอบหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ และกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (ภาษี Financial Transacction Tax)

ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้เริ่มจัดเก็บภาษีประมาณเดือน เม.ย. 2566 เป็นต้นไป โดยปีแรก หลังจากกฎหมายบังคับใช้จนถึงสิ้นปี 2566 จะเก็บที่อัตรา 0.0055% (รวมภาษีท้องถิ่น) โดยนักลงทุนจะมีภาระต้นทุนเต็มเพดาน 0.22% ของยอดขายหุ้น และจะมีการยกเว้นภาษีให้กับ Market Maker

อย่างไรก็ตามมาตรการเก็บภาษีขายหุ้น จนถึงปัจจุบันนี้ก็ได้มีการพับแผนไปแล้ว และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ย้ำชัดว่าในยุคของผมจะไม่มีการดำเนินการมาตรการนี้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้จากการสืบค้นข้อมูลการซื้อขายในวันที่ 8 ธ.ค. 2565 จากตลาดหลักทรัพย์ฯ (SETSMART) พบว่า ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,620.49 จุด ปรับตัวลดลง 1.79 จุด หรือลดลง 0.11% มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 42,658.10 ล้านบาท ซึ่งก็ถือว่าวอลุ่มเทรดต่ำสุดเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยรายวันในสัปดาห์นั้น ที่อยู่ในระดับ 5-7 หมื่นล้านบาท