ดอลลาร์อ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ตลาดคาดอาจไม่มีการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้

ดอลลาร์
ภาพ : pixabay

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง หลังตลาดคาด อาจไม่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และอาจมีการลดดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 จับตารอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงิตตราประจำวันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (27/11) ที่ระดับ 35.27/28 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (24/1) ที่ระดับ 35.48/49 ตามการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ

เนื่องจากวันศุกร์ที่ผ่านมา (24/11) เอสแอนด์พี โกลบอล ได้มีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในเดือนพฤศจิกายน โดย PMI ภาคการผลิตอยู่ที่ระดับ 49.4 ซึ่งป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 50 ในเดือนตุลาคม ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 50.6 ในเดือน ต.ค.

โดยในระหว่างวันดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าในปีนี้ FED น่าจะไม่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก และอาจจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ทั้งนี้ตลาดจับตารอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ เพื่อเป็นแนวทางกำหนดทิศทางในการดำเนินนโยบายการเงินต่อไป

สำหรับปัจจัยในประเทศ กระทรวงพาณิชย์ได้มีการเปิดเผยภาวะการค้าระหว่างประเทศประจำเดือนตุลาคม 2566 โดยการส่งออกมีมูลค่า 23,578 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวอยู่ที่ 8% ซึ่งเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 จากที่ขยายตัวอยู่ที่ 2.1% ในเดือนกันยายน แต่การขยายตัวนั้น น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 9% โดยการส่งออกขยายตัวมาจากสินค้าเกษตรเป็นหลัก ที่ขยายตัวถึง 12.3%

การส่งออกของไทยถือว่าขยายตัวได้ดีมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค นับเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวได้ดีขึ้นจากอุปสงค์โลกที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงเทศกาลปลายปี รวมถึงการที่ประเทศต่าง ๆ เริ่มส่งสัญญาณในการยุติวงจรการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ADVERTISMENT

ทางด้านการนำเข้ามีมูลค่า 24,411 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวอยู่ที่ 10.2% มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 6.05% จากที่เคยหดตัวอยู่ที่ -8.25% ในเดือนกันยายน ทำให้สุทธิแล้วในเดือนตุลาคมประเทศไทยขาดดุลการค้าอยู่ที่ 832 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในช่วง 10 เดือนของปี 2566 ไทยขาดดุลการค้าไป 6,665 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยทางปลัดกระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าการส่งออกของไทยในช่วง 2 เดือนที่เหลือจะยังคงขยายตัวขึ้น ทำให้การส่งออกรวมในปีนี้ติดลบประมาณ 1% ซึ่งในช่วง 10 เดือนแรกไทยมีการส่งออกติดลบอยู่ที่ 2.7% โดยคาดการณ์ว่าในปี 2567 การส่งออกของไทยจะขยายตัวอยู่ที่ 2%

ทั้งนี้ในระหว่างวันบาทเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 35.10-35.32 บาท/ดลอลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 35.10/12 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร เปิดตลาดเช้าวันนี้ (24/11) ที่ระดับ 1.0947/48 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (24/11) ที่ระดับ 1.0903/04 ตามการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ตลาดจับตารอดูตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซนในเดือนพฤศจิกายน

ตลาดคาดว่าเงินเฟ้อของยูโรโซนน่าจะลดลงแล้ว โดยคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปจะขยายตัวอยู่ที่ระดับ 3.9% จากระดับ 4.2% ในเดือนตุลาคม ในขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคขั้นพื้นฐานจะขยายตัวอยู่ที่ระดับ 2.7% จากระดับ 2.9% ในเดือนตุลาคม โดยระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.0938-1.0959 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.0945/46 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (27/11) ที่ระดับ 149.1112 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ 24/11) ที่ระดับ 149.63/64 ตามการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ โดยในวันศุกร์ที่ผ่านมา (24/11) ญี่ปุ่นได้มีการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) ในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นดัชนีวัดเงินเฟ้อ ว่าขยายตัวอยู่ที่ 3.3% เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.0% ในเดือนกันยายน

ทางด้านดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ขยายตัวอยู่ที่ 4.0% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งขยายตัวน้อยกว่าในเดือนกันยายนที่ขยายตัวอยู่ที่ 4.2%

ทางด้านนายอูเอดะ ประธานธนาคารกลางญี่ปุ่น ยังให้ความเห็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน ว่าเป็นเรื่องที่ยังคงต้องระมัดระวัง เนื่องจากต้องการให้เงินเฟ้ออยู่สูงกว่าระดับ 2% อย่างยั่งยืน โดยระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 148.78-149.29 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 149.11/12 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่เดือน ต.ค. (17/11), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย. (28/11), ราคาบ้านเดือน ก.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ (28/11), ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ของสหรัฐ (29/11), ดัชนีราคาผู้บริโภคของยูโรโซน (30/11), ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลเดือน ต.ค. (30/11)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -8.75/-8.25 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือน ต่างประเทศอยู่ที่ -8.75/-8.00 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ