วิจัยกรุงศรีชี้ กนง.ไม่ลดดอกเบี้ย คาดคงที่ระดับ 2.50% ตลอดปี 2567

กนง. ดอกเบี้ย

วิจัยกรุงศรีประเมิน กนง.คงดอกเบี้ย 2.50% ต่อปี ตลอดทั้งปี’67 เพื่อรองรับความเสี่ยงและความไม่แน่นอน และเป็นการรักษา Policy Space ไว้ด้วย มองเศรษฐกิจไทยยังได้แรงส่งจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวที่ปรับดีขึ้น คาดจำนวนนักท่องเที่ยวปี’67 อยู่ที่ 35.6 ล้านคน จากปี’66 อยู่ที่ 28 ล้านคน หลังมาตรการ Free Visa ไทย-จีนแรงหนุน ด้านอัตราเงินเฟ้อคาดทยอยปรับขึ้นเข้ากรอบเป้าหมายกลางปี เหตุแรงกดดันด้านอุปสงค์-ต้นทุนเพิ่ม

วันที่ 9 มกราคม 2567 ศูนย์วิจัยกรุงศรีระบุว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย วิจัยกรุงศรีคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงไว้ที่ 2.50% ตลอดทั้งปี 2567 เพื่อดูแลเงินเฟ้อที่ยังมีทิศทางเพิ่มขึ้นให้อยู่ภายในกรอบเป้าหมาย และเอื้อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวกลับเข้าสู่แนวโน้มระยะยาว ขณะเดียวกัน ยังเป็นการรักษา Policy Space เพื่อรองรับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนธันวาคม 2566 สูงกว่า 3 ล้านคน คาดภาคท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับดีขึ้นต่อเนื่อง และยังได้ปัจจัยบวกเพิ่มจากมาตรการ Visa-Free ระหว่างไทย-จีน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนธันวาคม 2566 มีจำนวน 3.2 ล้านคน สูงสุดนับตั้งแต่มีการเปิดประเทศ หลังจากการระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง ทำให้ทั้งปี 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมกว่า 28 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 11.2 ล้านคนในปี 2565

โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย และรัสเซีย จำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดสำคัญทยอยฟื้นตัวกลับสู่ระดับช่วงก่อนเกิดการระบาดแล้ว ได้แก่ มาเลเซีย (108% เทียบกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19) รัสเซีย (100%) ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้และอินเดียเกือบใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด (สูงกว่า 80%)

ขณะที่นักท่องเที่ยวจากจีนยังฟื้นตัวช้าอยู่ (32%) ทำให้ภาพรวมของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี 2566 แม้จะได้ตามเป้าหมายที่ทางการตั้งเป้าไว้ และคิดเป็น 70% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการระบาด แต่ทางด้านรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 63% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการระบาด (ต่ำกว่าที่ทางการตั้งเป้าไว้ที่ 1.6 ล้านล้านบาท)

อย่างไรก็ตาม คาดว่าแรงส่งจากภาคท่องเที่ยวที่ปรับดีขึ้นจะยังมีต่อเนื่องในช่วงต้นปี ประกอบกับปัจจัยบวกเพิ่มเติมล่าสุดรัฐบาลไทยเผยว่าเตรียมจัดทำความตกลงระหว่างไทยและจีน ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกัน (Visa-Free) เพื่อสนับสนุนให้การเดินทางไปมาระหว่างกันเกิดความราบรื่น

เบื้องต้นคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 ซึ่งจะช่วยให้การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนมีความต่อเนื่อง หลังจากมาตรการ Visa-Free แก่นักท่องเที่ยวจีนเป็นการชั่วคราวจะสิ้นสุดในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

โดยวิจัยกรุงศรีคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2567 จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 35.6 ล้านคน จาก 28 ล้านคนในปี 2566 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนธันวาคมปีก่อนติดลบมากสุดในรอบ 34 เดือน คาดเงินเฟ้ออาจกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ในช่วงกลางปี

ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนธันวาคมยังคงติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ที่ -0.83% YOY จาก -0.44% ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิงและค่ากระแสไฟฟ้า ตามมาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพด้านพลังงาน รวมทั้งการปรับลดลงของราคาในกลุ่มผักสด เนื้อสัตว์ และเครื่องประกอบอาหาร

ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (หักราคาหมวดอาหารสดและพลังงาน) อยู่ที่ 0.58% เท่ากับเดือนพฤศจิกายน สำหรับทั้งปี 2566 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ 1.23% และ 1.27% ชะลอลงจากปี 2565 ที่ 6.08% และ 2.51% ตามลำดับ

วิจัยกรุงศรีประเมินอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงต้นปีนี้ยังคงมีแนวโน้มติดลบต่อเนื่องอยู่ เนื่องจากการต่ออายุมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ออกไปอีก 3 เดือน เป็นสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2567 และการตรึงค่ากระแสไฟฟ้าสำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า 300 หน่วยต่อเดือน ในงวดบิลเดือนมกราคม-เมษายน

อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ในช่วงกลางปี จากปัจจัยต่าง ๆ อาทิ 1.การฟื้นตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจ และแรงกดดันด้านอุปสงค์ในประเทศ 2.ปัจจัยทางด้านต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ยังมีความผันผวนจากความเสี่ยงของภัยแล้ง และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจขยายวงกว้างขึ้น