ตลาดหลักทรัพย์ฯเตรียมเริ่มขยายเวลาเทรดหุ้น ภาคบ่ายเร็วขึ้น 30 นาที รวมทั้งวันเป็น 5 ชั่วโมง คาดเทรดได้ปลายไตรมาส 1-ต้นไตรมาส 2 ปีนี้ พร้อมยกระดับเกณฑ์ขึ้นเครื่องหมาย C สัปดาห์หน้าแนวทางดูแล “โปรแกรมเทรดดิ้ง-ชอร์ตเซล” ชัดเจน
วันที่ 11 มกราคม 2567 นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานกฎหมาย และหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการขยายเวลาซื้อขายหุ้น ขณะนี้อยู่ในช่วงปรับปรุงหลักเกณฑ์ โดยจะมีการขยายเวลาซื้อขายในภาคบ่ายให้เร็วขึ้น 30 นาที จากปัจจุบัน เวลาซื้อขาย ภาคเช้า 10.00-12.30 น. ภาคบ่าย 14.30-16.30 น. (รวมทั้งวัน 4 ชั่วโมงครึ่ง)
- เงินอุดหนุนนักเรียน 2567 ช่วยค่าชุด-หนังสือเรียน อนุบาล-ปวช. ได้เท่าไร
- แจกเงินดิจิทัล 10,000 ลุ้นซื้อมือถือ-เครื่องใช้ไฟฟ้า “จุลพันธ์” นัดถกสัปดาห์หน้า
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
แต่ต่อไปเวลาซื้อขาย ภาคเช้า 10.00-12.30 น. ภาคบ่าย 14.00-16.30 น. (รวมทั้งวัน 5 ชั่วโมง) โดยคาดว่าจะเริ่มขยายเวลาการเทรดได้ในปลายไตรมาส 1-ต้นไตรมาส 2 ปีนี้ สำหรับวันที่แน่ชัดกำลังอยู่ระหว่างหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ส่วนความคืบหน้าการจ้างที่ปรึกษาจากภายนอก (Outsource) มาช่วยศึกษาเรื่องการดูแลโปรแกรมเทรดดิ้งและชอร์ตเซลนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯได้เริ่มดำเนินงานไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และคาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีการรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงาน (Interim Report) ในเบื้องต้น เพื่อที่จะนำข้อมูลมาพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) สำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อให้ทางที่ปรึกษานำข้อมูลที่ได้รับจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ไปรวบรวมก่อนที่จะส่ง Final Report ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงปลายเดือน ก.พ. 2567
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการทำเครื่องหมาย C เพื่อยกระดับการเตือนให้มีการชัดเจนมากขึ้น ได้แก่
– CB ที่จะแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีประเด็นที่น่ากังวลทางด้านธุรกิจ เช่น การขาดทุนติดต่อกันหรือการผิดนัดชำระหนี้
– CS จะแสดงเกี่ยวกับเรื่อง Statements เช่น ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความคิดเห็น สำนักงาน ก.ล.ต. สั่ง Special Audit
– CF บริษัทที่ฟรีโฟลตไม่เป็นไปตามเกณฑ์
– CC บริษัทที่ Noncompliance เช่น บริษัทที่ AC ไม่ครบ, Cash Company, บริษัทที่เป็น Investment Company
ทั้งนี้อยู่ในช่วงปรับปรุงหลักเกณฑ์ และจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้
