วิธีจับสัญญาณค่าเงินบาท “อ่อน-แข็ง” เปิด 5 ปัจจัยสำคัญ มีอะไรบ้าง ?

ค่าเงินบาท

บล.เกียรตินาคินภัทร เผย 5 ปัจจัยบอกสัญญาณทิศทางค่าเงินบาทอ่อนค่า-แข็งค่า มองระยะสั้นมีความผันผวนสูงถึง 80% คาดเดายากกว่าระยะยาว

วันที่ 23 มกราคม 2567 นายนัทธ์ชนัน ธนชลวิไล หัวหน้าฝ่ายค้าผลิตภัณฑ์การเงิน บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร กล่าวในงานเสวนาภายใต้หัวข้อ “มุมมองและวิธีการจัดการกับความผันผวนของค่าเงิน USD และ THB” ว่าหากพิจารณาปัจจัยที่มีผลต่อทิศทางค่าเงินบาท จะมีอยู่ด้วยกัน 4-5 ปัจจัย

ได้แก่ 1.ดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญมาก โดยในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2557-2562 ไทยเกินดุลต่อเนื่องราว 8-10% และในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ดุลบัญชีเดินสะพัดติดลบ เนื่องจากไม่มีรายได้จากการท่องเที่ยวที่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของจีดีพี แม้ว่าปัจจุบันจะกลับมาเป็นบวกเล็กน้อย และ

2.เศรษฐกิจจีน จะเห็นว่าในช่วงที่มีข่าวจีนเปิดประเทศหรือข่าวเปิดฟรีวีซ่าให้กับจีน พบว่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น และ 3.ราคาทองคำ จะเห็นความสัมพันธ์กับค่าเงินบาท โดยหากราคาทองคำปรับขึ้น เงินบาทแข็งค่า และราคาทองคำลง เงินบาทอ่อนค่า ซึ่งในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาพบว่าปัจจัยราคาทองคำมีผลต่อเงินบาทมากที่สุดในช่วงนั้น โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนจะเห็นการเคลื่อนไหวของค่าเงินราว 20-30 สตางค์

โดย 4.นโยบายการเงินของสหรัฐ หากเทียบดอกเบี้ยสหรัฐ ปัจจุบันอยู่ที่ 5% และไทยอยู่ที่ 2.50% ซึ่งคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ แต่หากเฟดลดดอกเบี้ย ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า ซึ่งที่ผ่านมาตลาดมีการคาดการณ์ (Price in) ไว้ว่าจะมีการปรับลด 4-5 ครั้ง ทำให้ค่าเงินผันผวนได้ และ 5.ดัชนี DXY หรือ Dollar Index ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อค่าเงินเช่นเดียวกัน

Advertisment

“สำหรับ 5 ปัจจัยนี้จะเป็นส่วนที่มีผลต่อความเคลื่อนไหวของค่าเงิน หากเราดูระยะสั้นความผันผวนจะค่อนข้างเยอะประมาณ 80% จึงคาดเดาได้ยาก แต่หากมองในระยะยาวคาดเดาได้ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร นักท่องเที่ยว และการส่งออก ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจมหภาค แต่หากระยะสั้น จะพิจารณาจากฟันด์โฟลว์ โดยเฉพาะบอนด์ระยะสั้นหากมีการซื้อมากกว่า 8,000 ล้านบาทขึ้นไป มองว่าเป็นการซื้อเพื่อเก็งกำไรและจะมาคู่กับบาทแข็ง”