
ส่งงบการเงิน TCAP-ทุนธนชาต หุ้นในดวงใจ “ดร.นิเวศน์-ภรรยา-ลูกสาว” ที่มีมูลค่าเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้าน
วันที่ 26 มีนาคม 2567 หลังจากที่ประชาชาติธุรกิจได้เผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับข้อมูล ส่องพอร์ตหุ้นไทย “ดร.นิเวศน์-ครอบครัว” 5.6 พันล้าน ปี’66 ได้ปันผลกี่บาท ซึ่งพบว่ามีหุ้นอยู่ 1 บริษัทที่ ดร.นิเวศน์ ภรรยา และลูกสาว ถือครองอยู่ นั่นคือ บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) รายละเอียดดังนี้
- ดร.นิเวศน์ ถืออยู่จำนวน 14 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.43%
- ภรรยา (เพาพิลาส) ถืออยู่จำนวน 8 ล้านหุ้น สัดส่วน 0.76%
- ลูกสาว (พิสชา) ถืออยู่จำนวน 8 ล้านหุ้น สัดส่วน 0.76%
โดยคิดเป็นเงินลงทุนรวมกันอยู่ที่ 1,507.50 ล้านบาท แยกเป็นเงินลงทุนของ ดร.นิเวศน์ มูลค่า 703.50 ล้านบาท และภรรยากับลูกสาว มูลค่ารายละ 402 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด 50.25 บาท วันที่ 25 มี.ค.2567)
ทั้งนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” จะพาไปแกะงบฯ TCAP ดูว่า ทำไมถึงเป็นหุ้นในดวงใจของ ดร.นิเวศน์และครอบครัว
โดย TCAP ปัจจุบันเป็นบริษัทดำเนินธุรกิจลงทุนและเป็นบริษัทแม่ (Holding Company) ของกลุ่มธนชาต ที่ดำเนินธุรกิจทางการเงินที่หลากหลาย ประกอบด้วยธุรกิจเช่าซื้อ ธุรกิจประกันภัย/ประกันชีวิต ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจการให้สินเชื่อที่มีหลักประกัน ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และธุรกิจการลงทุน
ก่อตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 1959 และเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2518 ปัจจุบันสำนักงานใหญ่อยู่ที่ 444 อาคารเอ็มบีเค ทาวเวอร์ ชั้น 16-17 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
มีหุ้นถือหุ้นรายใหญ่เบอร์ 1 คือ บมจ. เอ็ม บี เค (MBK) ด้วยสัดส่วน 21.35%
กำไรเฉลี่ยปีละ 6 พันล้าน
โดยย้อนหลัง 4 ปี (2563-2566) จะพบว่า TCAP มีกำไรสุทธิเฉลี่ยปีละ 6 พันล้านบาท
- ปี 2563 มีกำไรสุทธิ 6,669 ล้านบาท
- ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 5,287 ล้านบาท
- ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 5,219 ล้านบาท
- ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 6,602 ล้านบาท
คิดเป็นกำไรต่อหุ้นนับตั้งแต่ปี 2563-2566 อยู่ที่ 9.43 บาท, 6.26 บาท, 5.04 บาท, 4.98 บาท, 6.30 บาท (ตามลำดับ)
กำไรสะสมแตะ 6 หมื่นล้าน
- ปี 2563 มีกำไรสะสม 58,157 ล้านบาท
- ปี 2564 มีกำไรสะสม 60,488 ล้านบาท
- ปี 2565 มีกำไรสะสม 61,861 ล้านบาท
- ปี 2566 มีกำไรสะสม 61,267 ล้านบาท
อัตราเงินปันผล 6-7% ต่อปี
และที่น่าสนใจอย่างมากคือการจ่ายปันผลต่อปี และมีอัตราเงินปันผลตอบแทนในระดับสูง
- ปี 2562 จ่ายปันผล 2.8 บาท/หุ้น
- ปี 2563 จ่ายปันผล 7 บาท/หุ้น
- ปี 2564 จ่ายปันผล 3 บาท/หุ้น
- ปี 2565 จ่ายปันผล 3 บาท/หุ้น
- ปี 2566 จ่ายปันผล 3.1 บาท/หุ้น
ข้อมูลอัตราเงินปันผลตอบแทน
- ปี 2563 อยู่ที่ 21.68%
- ปี 2564 อยู่ที่ 7.95%
- ปี 2565 อยู่ที่ 7.06%
- ปี 2566 อยู่ที่ 6.26%
- ปี 2567 (YTD) อยู่ที่ 6.31%
และล่าสุดเตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 18 เม.ย. 2567 เพื่อเตรียมจ่ายปันผล 2 บาท/หุ้น จากกำไรสะสม โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 3 พ.ค. 2567
อัตรส่วนทางการเงิน
ปี 2564 | ปี 2565 | ปี 2566 | |
อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (%) | 8.23 | 7.95 | 9.64 |
อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (%) | 6.29 | 5.84 | 6.19 |
อัตรากำไรสุทธิ (%) | 41.50 | 41.34 | 40.87 |
โดยปัจจุบันมีขนาดมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 52,692.15 ล้านบาท (คำนวณจากราคาปิด 50.25 บาท วันที่ 25 มี.ค. 2567)
และรู้หรือไม่ว่า TCAP ปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จำนวน 5 บริษัท
- TTB สัดส่วน 24.31%
- MBK สัดส่วน 20.97%
- PRG สัดส่วน 19.75%
- THANI สัดส่วน 3.77%
- TISCO สัดส่วน 0.97%
ทั้งนี้ TCAP จะได้ประโยชน์ทางอ้อมจากการถือหุ้น MBK กรณีที่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าหรูหลายแห่ง เช่น สยามพารากอน และไอคอนสยาม กำลังพิจารณาที่จะเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) โดยทาง MBK ถือครองหุ้นบริษัทสยามพิวรรธน์ ในสัดส่วน 48%
โดยทาง บล.กสิกรไทย วิเคราะห์ไว้ว่า ปริมาณไอพีโอน่าจะเป็น 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ทำให้ TCAP มีอัพไซด์ต่อราคาเป้าหมายจากดีลนี้อยู่ที่ 6.4-10.4% แต่เบื้องต้นยังคงราคาเป้าหมายไว้ก่อน เพื่อรอความชัดเจนของดีลนี้และสัดส่วนที่แน่นอนในการไอพีโอ