ส่องพอร์ตหุ้นไทย “ดร.นิเวศน์-ครอบครัว” 5.6 พันล้าน ปี’66 ได้ปันผลกี่บาท

ดร.นิเวศน์ และครอบครัว กำลังจะได้เงินปันผลประจำปี 2566 จากการลงทุน 7 บริษัทในตลาดหุ้นไทยมูลค่ารวม 166 ล้าน พบมูลค่าหุ้นในพอร์ตสูงกว่า 5.6 พันล้าน CPALL ตัวเดียวมูลค่าเกือบ 2.5 พันล้าน

วันที่ 22 มีนาคม 2567 จากการได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ต้นแบบนักลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investor) ที่มีพอร์ตลงทุนเกือบหมื่นล้าน ดร.นิเวศน์ได้เปิดเผยบางช่วงบางตอนว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา ผลตอบแทนในพอร์ตโดยรวมบวกประมาณ 1% เกือบเอาตัวไม่รอด เพราะหุ้นไทยขาดทุนจาก SET Index ติดลบ 15% แต่โชคดีที่หุ้นเวียดนามมีกำไรอยู่กว่า 10% พอรวมกันก็ยังยืนบวกได้

และจากการปรับพอร์ตครั้งใหญ่และเป็นครั้งแรกในชีวิต ดร.นิเวศน์คาดว่าเมื่อทุกอย่างลงตัว โมเดลพอร์ตลงทุนใหม่จะสร้างผลตอบแทนปีละ 10% ทบต้น

อย่างไรก็ดีวันนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” ได้รวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ (SETSMART) เกี่ยวกับหุ้นไทยที่ ดร.นิเวศน์ และครอบครัว “เหมวชิรวรากร” ถือครองอยู่ในปัจจุบัน และได้รวบรวมข้อมูลเงินปันผลในปี 2566 ที่กำลังจะได้รับว่ามีทั้งหมดกี่บาท

ดร.นิเวศน์ลงทุน 4 บริษัท

ปัจจุบัน ดร.นิเวศน์ ติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่ 4 บริษัท ประกอบด้วย

  1. บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) จำนวน 250 ล้านหุ้น สัดส่วน 2.33%
  2. บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) จำนวน 14 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.43%
  3. บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) จำนวน 10 ล้านหุ้น สัดส่วน 0.60%
  4. บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) จำนวน 5 ล้านหุ้น สัดส่วน 0.78%

สำหรับ QH ประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.10 บาท ในวันที่ 16 พ.ค. 2567 จะได้รับเงินปันผล 25 ล้านบาท ถัดมา TCAP ประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 2 บาท ในวันที่ 3 พ.ค. 2567 จะได้รับเงินปันผล 28 ล้านบาท

ถัดมา EASTW ประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.05 บาท ในวันที่ 29 พ.ค. 2567 จะได้รับเงินปันผล 500,000 บาท และ BAFS ประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.14 บาท ในวันที่ 23 พ.ค. 2567 จะได้รับเงินปันผล 700,000 บาท ทำให้ในช่วงเดือน พ.ค. ทาง ดร.นิเวศน์จะได้รับเงินปันผลรวม 54.2 ล้านบาท

ภรรยา ดร.นิเวศน์ ถือหุ้นใหญ่ 3 บริษัท

ถัดมาตามข้อมูล SETSMART พบว่า “เพาพิลาส เหมวชิรวรากร” ภรรยา ดร.นิเวศน์ ติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 บริษัท ประกอบด้วย

  1. บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) จำนวน 45 ล้านหุ้น สัดส่วน 0.50%
  2. บมจ.แม็คกรุ๊ป (MC) จำนวน 10 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.26%
  3. บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) จำนวน 8 ล้านหุ้น สัดส่วน 0.76%

โดยจะได้รับเงินปันผลรวม 66 ล้านบาท จาก CPALL ที่ประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 1 บาท ในวันที่ 24 พ.ค. 2567 ซึ่งได้รับเงินผลผล 45 ล้านบาท และ MC ที่จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.5 บาท ซึ่งจ่ายไปเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2567 ได้รับเงินปันผล 5 ล้านบาท และ TCAP จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 2 บาท ในวันที่ 3 พ.ค. 2567 ได้รับเงิน 16 ล้านบาท

ลูกสาว ถือหุ้น 3 บริษัท

ถัดมาพอร์ตของลูกสาว ดร.นิเวศน์ “พิสชา เหมวชิรวรากร” ซึ่งพบว่าติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งหมด 3 บริษัทเช่นเดียวกัน ประกอบด้วย

  1. บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) จำนวน 150 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.40%
  2. บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) จำนวน 10 ล้านหุ้น สัดส่วน 0.73%
  3. บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) จำนวน 8 ล้านหุ้น สัดส่วน 0.76%

โดยจะได้รับเงินปันผลรวม 46 ล้านบาท จาก QH ที่ประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.10 บาท ในวันที่ 16 พ.ค. 2567 ได้รับเงินปันผล 15 ล้านบาท และ BCP จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 1.50 บาท ในวันที่ 24 เม.ย. 2567 ได้รับเงินปันผล 15 ล้านบาท และ TCAP ที่จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 2 บาท ในวันที่ 3 พ.ค. 2567 ได้รับเงิน 16 ล้านบาท

กล่าวโดยสรุปในช่วงตั้งแต่เดือน มี.ค.-พ.ค. 2567 ที่บริษัทจดทะเบียนจะมีการจ่ายปันผลของปี 2566 ดร.นิเวศน์ พร้อมด้วย ภรรยา และลูกสาว จะได้รับเงินปันผลรวมกันทั้งสิ้น 166.2 ล้านบาท

ทั้งนี้ คิดเล่น ๆ หาก ดร.นิเวศน์ พร้อมด้วย ภรรยา และลูกสาว ขาย 7 หุ้นไทย ที่ถืออยู่ในพอร์ตทั้งหมดออกไป จะมีมูลค่าสูงถึง 5,645.15 ล้านบาท (คำนวณจากราคาหุ้น ปิดวันที่ 21 มี.ค. 2567) โดยแยกเป็นเงินลงทุน

  • พอร์ตของ ดร.นิเวศน์ มูลค่า 1,424.9 ล้านบาท
  • พอร์ต ภรรยา ดร.นิเวศน์ มูลค่า 3,010.75 ล้านบาท
  • พอร์ต ลูกสาว ดร.นิเวศน์ มูลค่า 1,209.5 ล้านบาท