คุยกับ “โฆษกบอร์ดสลาก” จ่อนำร่องหวย N3 ขายแข่ง “ใต้ดิน”

Thanawat.P
คอลัมน์ : สัมภาษณ์

หลังจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เริ่มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก (L6) ทั้งสลากใบ และสลากดิจิทัล รวมกันแล้วประมาณ 101 ล้านฉบับ มาตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2566 ขณะนี้ผ่านมาแล้วมากกว่า 10 งวด

“ธนวรรธน์ พลวิชัย” โฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของสำนักงานสลากฯ คือ ต้องทําราคาสลากให้ได้ ใบละ 80 บาท ตอนนี้มีโครงการสลาก 80 บาท มีสลากดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ซึ่งคนซื้อทุกใบก็จะได้ราคา 80 บาทแน่นอน อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่ากังวลก็คือ ทุกครั้งที่แก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ก็จะมีกลุ่มคนที่แสวงหาผลประโยชน์ เช่น มีการนําสลากดิจิทัลเข้าไปขายในตู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะทํา

“ยิ่งเราแก้ ก็จะมีกลุ่มคนที่หาผลประโยชน์โดยไม่คิดถึงกฎหมายเข้ามาแทรกแซงตลาดนี้ เราจึงเน้นทำให้สลากใบราคา 80 บาทให้ได้จริง”

เพิ่มสลาก L6 ดิจิทัลต่อเนื่อง

“ธนวรรธน์” กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีสัดส่วนสลาก L6 แบบดิจิทัล ขายผ่านแอปเป๋าตัง จำนวน 22-23 ล้านฉบับต่องวด ซึ่งจะขายหมด เมื่อใกล้ถึงวันออกรางวัล ทั้งวันที่ 1 และวันที่ 16 ของทุกเดือน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ยังมีพื้นที่ที่จะสามารถเพิ่มสลาก L6 ได้อีกอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นในรูปแบบของการลดราคาขาย ผ่านการลดราคาหน้าร้านเดินเร่ และในอนาคตก็จะมีรูปแบบของการที่ทําให้คนขายมีความสะดวกมากขึ้นอีก

นอกจากนี้ สำนักงานสลากฯมีการดําเนินการขายสลาก L6 ผ่านแพลตฟอร์มของสำนักงานสลากฯเอง เพราะหากจะเพิ่มปริมาณสลากเข้าไปในระบบ จะต้องขายสลากให้ครบ 1 ล้านใบถึงออกรางวัลได้ เนื่องจากตามกฎหมายกําหนดให้ต้องจัดสรรเงินรางวัล 60% ของยอดขาย ส่วน 40% จะเป็นรายได้เข้ารัฐ 23%

และ อีก 17% ใช้บริหารจัดการ ซึ่งอาจจะทำให้การเติมสลาก L6 อาจจะไม่ครบจํานวน 1 ล้านใบ สำนักงานสลากฯจึงมีความจําเป็นที่ต้องนําส่วนที่เหลือมาจําหน่ายเองผ่านแพลตฟอร์ม

Advertisment

“เจตนารมณ์ของสำนักงานสลากฯ คือ ให้ตัวแทนขายได้ขายสลาก L6 ได้ครบทุกคน ซึ่งตอนนี้การเพิ่มปริมาณสลากเข้าไป เราก็จะเติมให้กับคนขายที่มีชื่อสำรองอยู่ประมาณ 8,000 คน ดังนั้นถ้าคนที่สมัครไม่ครบ 1 ล้านใบ ส่วนที่เหลือก็จะเข้าสู่ GLO แพลตฟอร์ม”

“ธนวรรธน์” กล่าวอีกว่า ในอนาคตจะมีรูปแบบที่ทําให้คนขายมีความสะดวกมากขึ้น เมื่อประชาชนได้มีความคุ้นเคยกับการซื้อผ่านแอปเป๋าตังและแพลตฟอร์มต่าง ๆ แล้วรู้ว่าการซื้อ-ขายสลาก L6 ตามราคาตามกฎหมายทำได้ง่ายผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งคนขายก็จะคุ้นการขายแพลตฟอร์ม แถมสะดวกและง่าย เพียงนั่งอยู่เฉย ๆ ก็มีคนซื้อ ขณะเดียวกันก็สามารถที่จะเดินเร่ขายได้เหมือนสลากแบบใบด้วย

Advertisment

สลาก N3 จ่อทดลองขาย Q3

ขณะที่ความคืบหน้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล ตัวเลข 3 หลัก (N3) “ธนวรรธน์” กล่าวว่า คณะกรรมการผลิตภัณฑ์ใหม่ กำลังศึกษารูปแบบในการคัดเลือกตัวแทน การกำหนดราคาขาย ซึ่งกำลังพิจารณาระหว่าง 20-50 บาท ต้องดูว่าจะกําหนดที่ราคาเท่าไหร่ โดยจะเริ่มต้นจัดทำเป็น Sandbox เพื่อจะประเมินก่อนว่าสลาก N3 จะไม่ทําลายระบบ

“ดังนั้นในระยะแรก ปีนี้ เราอาจจะเห็นรูปแบบของ Sandbox ถ้าเร็วสุดน่าเกิดขึ้นได้ในไตรมาส 3 หรือไม่ก็ต้นไตรมาส 4”

โดยสลาก N3 มีวัตถุประสงค์ เพื่อจะดึงราคาสลากใบลง เพราะเมื่อคนซื้อสลาก N3 ในระบบดิจิทัลได้ราคาตามกฎหมาย คนก็จะหันมาซื้อมากขึ้น แต่บอร์ดยังมีความกังวลเล็กน้อย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวแทนขาย จึงต้องทําให้เกิดภาพชัดเจนว่า สลาก N3 กับ L6 เป็นคนละตลาดกัน

ทั้งนี้ หากยอดขายสลากตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้าน/งวด หากสลาก L6 ยังขายหมด และถ้ามีสลาก N3 แล้วยอดมากขึ้นกว่าเดิม แสดงว่ายังดึงเงินได้อยู่

“เป็นสิ่งที่มีความกังวลเล็กน้อย หากคนขายสลาก L6 มาซื้อ สลาก N3 ทําให้คนขายเดิม ขายไม่ได้ ดังนั้นเราจะต้องทดลองตลาดก่อน ประมาณ 3 เดือน”

กำหนดราคาขายยังไม่ตกผลึก

สำหรับเรื่องราคาขายสลาก N3 นั้น โฆษกบอร์ดสลากกล่าวว่า กำลังพิจารณาที่ 20-50 บาท โดยราคา 50 บาท ก็เป็นอะไรที่เป็นค่ากลาง ๆ แต่หากขาย 20 บาท ก็จะทําให้แข่งขันและดึงเงินเข้าระบบเศรษฐกิจได้ดีมากขึ้น ซึ่งราคาจำหน่ายต้องไม่ต่ำหรือสูงเกินไป

ส่วนตัวแทนจำหน่ายตอนนี้กําลังพิจารณา เป็น 2 ระบบ ก็คือ 1.คนที่ค้างท่ออยู่ กับ 2.คนที่เป็นตัวแทนสลากดิจิทัลเดิม ซึ่งเบื้องต้นคิดว่าผู้ที่ขายสลากดิจิทัลอาจจะได้รับการคัดเลือกก่อน รวมถึงผู้ที่มีรายชื่อสำรองอยู่ ก็อาจจะได้รับการพิจารณาเป็นตัวแทนจำหน่าย

ขณะที่เรื่องเงินรางวัลแจ็กพอตของสลาก N3 จะขึ้นอยู่กับยอดขาย เพราะต้องจ่ายรางวัล 60% ของยอดขายอยู่แล้ว

“สมมุติว่าหากเริ่มต้น Sandbox ที่ 1,000 ล้านบาท 60% ก็คือ 600 ล้านบาท เงินรางวัลจะถูกแบ่งซอย ง่าย ๆ แจ็กพอตก็คือ 1% ของยอดขายก็คือ 6 ล้านบาท คือแจ็กพอตจาก 1,000 ล้านบาท แต่ถ้าเราขายได้ประมาณ 8,000 ล้านบาท แจ็กพอตก็จะประมาณ 8 ล้านบาท”

นอกจากนี้ก็จะมีรางวัลเลข 3 ตัวตรง, 3 ตัวสลับหลัก (โต๊ด), 2 ตัวตรง ซึ่งหลักคิดง่าย ๆ ก็คือ หากคนซื้อ แล้วถูกเลขไหนเยอะ รางวัลก็จะลดลง ดังนั้นจะมีระบบ “อั้น” เมื่อผลตอบแทนลดลงต่ำเกินจากอัตราขั้นต่ำที่ควรเป็น เพื่อให้ผลตอบแทนแข่งกับหวยใต้ดินได้

“สลาก N3 เราไม่จำเป็นต้องขายครบ 1 ล้านเลขถึงปล่อยรางวัล เพราะฉะนั้น เราอาจจะไม่ได้มีเพดาน ในแง่ของยอดขายโดยรวม แต่ว่ายอดขาย Sandbox อย่างที่บอกอาจจะเริ่มต้นที่ 500-1,000 ล้านบาท อีกอย่างเพื่อให้แข่งขันกับหวยใต้ดินได้ เราก็ต้องพิจารณาว่าซื้อ 1 บาท จะได้เงินเท่าไหร่” โฆษกคณะกรรมการสลากกล่าว