กรุงศรี ประเมินกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 36.40-37.00 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาท

กรุงศรี คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 36.40-37.00 บาท/ดอลลาร์ ตลาดทบทวนแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ส่อเลื่อนปรับครั้งแรกเป็นเดือน ก.ย.

วันที่ 17 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประเมินเงินบาทในสัปดาห์นี้ (17-19 เม.ย. 2567) ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 36.40-37.00 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 36.61 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 36.25-36.79 บาท/ดอลลาร์

ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเงินเยนแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 34 ปีครั้งใหม่ และเงินยูโรร่วงลงสู่จุดต่ำสุดรอบ 5 เดือน

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นหลังอัตราเงินเฟ้อสหรัฐสูงเกินคาดเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเดือน มี.ค.เพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 6 เดือน

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 3.8% เมื่อเทียบรายปีซึ่งสูงกว่าที่นักลงทุนคาดไว้เช่นกัน โดยในไตรมาส 1/67 ดัชนี CPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 4.2% เร่งตัวขึ้นจาก 3.4% ในไตรมาส 4/66 ทางด้านธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) คงดอกเบี้ยที่ 4.00% แต่ส่งสัญญาณว่าอาจลดดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย.

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 7,918 ล้านบาท แต่ขายพันธบัตรสุทธิ 16,566 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่าหลังตัวเลขเงินเฟ้อและการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคสหรัฐฯแข็งแกร่งเกินคาดส่งผลให้ตลาดทบทวนคาดการณ์จังหวะเวลาการลดดอกเบี้ยครั้งแรกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกไปเป็นเดือน ก.ย. จากเดือน มิ.ย. ในภาวะเช่นนี้ คาดว่าดอลลาร์จะได้แรงหนุนต่อไปในระยะสั้น นอกจากนี้ ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์และความเสี่ยงที่ราคาพลังงานจะทะยานขึ้นและฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจโลกกระตุ้นความต้องการเงินดอลลาร์อีกทางหนึ่ง

ขณะที่สถานการณ์ภายในประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มองว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าจากการบริโภคภาคเอกชนและการท่องเที่ยว รวมทั้งแรงส่งจากการใช้จ่ายภาครัฐในช่วงที่เหลือของปี ขณะที่การส่งออกฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และ กนง.ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับเข้ากรอบเป้าหมายปลายปีนี้

ขณะที่กรรมการ 2 รายเห็นว่าควรลดดอกเบี้ยเป็น 2.25% ให้สอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำลงและจะช่วยบรรเทาภาระของลูกหนี้ได้บ้าง กรรมการส่วนใหญ่เห็นว่านโยบายการเงินมีประสิทธิผลจำกัดในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง กรุงศรี มองว่าท่าทีล่าสุดของกนง.ในภาพรวมยังไม่ต้องการรีบลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี มีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยลงได้ในปีนี้หากแนวโน้มเศรษฐกิจเปลี่ยนไปจากที่ กนง.ประเมินไว้