ไทยวิวัฒน์ Q1/67 กำไร 122 ล้าน โต 17.4% เป้าเบี้ยประกันปีนี้ 8,000 ล้าน

ไทยวิวัฒน์

“ไทยวิวัฒน์ โฮลดิ้ง” งวดไตรมาส 1/67 กำไรสุทธิ 122 ล้าน เพิ่มขึ้น 17.4% อานิสงส์บริษัทลูก “ประกันภัยไทยวิวัฒน์” กวาดรายได้ประกัน 1,714 ล้าน มีกำไรเงินลงทุน 59 ล้าน หลังเศรษฐกิจ-ตลาดหุ้นฟื้น มั่นใจเบี้ยรับรวมปีนี้ทะลุ 8,000 ล้าน

วันที่ 14 พฤษภาคม 2567 นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยวิวัฒน์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TVH ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ธุรกิจหลักคือบริษัทประกันภัยไทยวิวัฒน์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2567 มีกำไรสุทธิ 122 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.4% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) มีรายได้จากธุรกิจประกันภัย 1,714 ล้านบาท เติบโตจากกลุ่มประกันภัยรถยนต์ 1,506 ล้านบาท และกลุ่มประกันภัยเบ็ดเตล็ด 174 ล้านบาท ที่เติบโตขึ้นกว่า 12%

ซึ่งเป็นผลจากการเดินหน้าคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ โดยทำแคมเปญและนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีความยืดหยุ่นและคุ้มค่าแก่ผู้บริโภคแบบรายบุคคล (Personalized) รองรับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว รวมถึงการเดินหน้าขยายฐานประกันภัยรถยนต์ EV อันเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Insurtech อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการตลาดกับพันธมิตร เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างให้กับลูกค้า อาทิ กลุ่มบางจาก ธนาคาร UOB, True Money เป็นต้น

สำหรับค่าใช้จ่ายรวมจากการรับประกันภัย และการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2% มาอยู่ที่ 1,624 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายการรับประกันภัย 1,371 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 252 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีผลกำไรจากการลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 82% แตะ 59 ล้านบาท สาเหตุสำคัญมาจากภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นที่ฟื้นตัวดีขึ้น หนุนราคาหลักทรัพย์โดยรวมให้ปรับตัวสูงขึ้น

ADVERTISMENT
นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยวิวัฒน์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TVH
นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยวิวัฒน์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TVH

นายจีรพันธ์กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทคาดว่ายังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องในครึ่งหลังของปี 2567 จากสัญญาณที่ดีตามการเติบโตของธุรกิจหลักอย่างธุรกิจประกันภัย ภายใต้การขับเคลื่อนของบริษัทประกันภัยไทยวิวัฒน์ ซึ่งเป็นบริษัทลูก ด้วยการเดินหน้าคิดค้นพัฒนานวัตกรรม นำ AI มาพัฒนาต่อยอดตั้งแต่ขั้นตอนการซื้อ, การใช้งาน รวมไปถึงการเคลม ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคโดยเฉพาะแบบรายบุคคล (Personalized) รองรับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว

โดยมี “ประกันรถเปิดปิด” ผลิตภัณฑ์ประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทั้งขับมาก ขับน้อย หรือไม่ค่อยได้ขับ ก็ช่วยประหยัดสูงสุด 80%

ADVERTISMENT

“ประกันสุขภาพ Active Health” ผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพที่ส่งเสริมการออกกำลังกาย ยิ่งออกกำลังกาย เบี้ยยิ่งลด สูงสุด 40%

และประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ เป็นตัวชูโรง เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ผลักดันเบี้ยประกันภัยรับรวมปี 2567 เติบโตทะลุ 8,000 ล้านบาท

ปัจจุบันคนไทยเข้าถึงประกันภัยต่ำมากเพียง 1-2% ของจีดีพี เทียบกับประเทศพัฒนาแล้วที่สูงถึง 10-20% ดังนั้นภาพรวมตลาดประกันภัยของไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะหากมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในโปรดักต์และบริการอย่างแพร่หลาย จะช่วยกระตุ้นและยกระดับตลาดให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อีกขั้น

ซึ่งที่ผ่านมาไทยวิวัฒน์ได้นำเทคโนโลยีมาใช้อย่างต่อเนื่อง โดยมีประกันรถเปิดปิดเป็นตัวชูโรงของผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ ซึ่งช่วยแก้ Pain Point ให้กับผู้ซื้อประกันภัยได้อย่างตรงจุด คุ้มค่าเงินที่จ่าย

รวมถึงได้นำ AI มาใช้ เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า เพื่อให้การทำประกันรถยนต์นั้นง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น อาทิ “MARS Inspect” AI ตรวจสภาพรถยนต์แบบเรียลไทม์ ที่มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ชิ้นส่วนความเสียหายของรถยนต์ ช่วยลดระยะเวลาการซื้อประกันและตรวจสภาพรถยนต์ให้เร็วขึ้นถึง 10 เท่า

รวมถึง “MARS Garage” AI  ประเมินการซ่อมรถ อย่างแม่นยำ และเรียลไทม์ที่เพิ่มความสะดวกและลดขั้นตอนระหว่างอู่และบริษัทประกัน เพื่อให้รถของลูกค้าได้รับบริการที่รวดเร็ว ส่วนผลิตภัณฑ์ชูโรงอีกตัว คือ ประกันสุขภาพ Active Health ที่ส่งเสริมให้ผู้ถือกรมธรรม์ออกกำลังกาย ด้วยการนำเทคโนโลยี Wearable เข้ามาช่วยในการ Track นาทีการออกกำลังกาย เพื่อนำมาใช้เป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกัน ยิ่งออกกำลังกาย เบี้ยจะยิ่งลดสูงสุดถึง 40%

อนึ่ง บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVI ได้พิจารณาปรับโครงสร้างการถือหุ้นเป็นรูปแบบ โฮลดิ้ง คอมพานี โดยการนำ บริษัท ไทยวิวัฒน์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVH เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แทนหลักทรัพย์ TVI เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2566

ซึ่งเบื้องต้นได้แบ่งโครงสร้างธุรกิจเป็น 2 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย 1.กลุ่มธุรกิจหลัก ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับประกันภัย ประกอบไปด้วยธุรกิจประกันวินาศภัยในไทย ธุรกิจประกันภัยในต่างประเทศ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย

และ 2.กลุ่มธุรกิจอื่นที่นอกเหนือจากธุรกิจประกันภัย โดยพิจารณาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนในธุรกิจที่ส่งเสริมธุรกิจประกันภัย และหรือธุรกิจมีผลตอบแทนสูง เพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว