เผ่าภูมิ สั่ง สศค. ยืนหลักการเปิดเสรี Virtual Bank-ขยายฐานภาษี-แก้เศรษฐกิจนอกระบบ

เผ่าภูมิ โรจนสกุล
เผ่าภูมิ โรจนสกุล

เผ่าภูมิ รมช.คลัง มอบนโยบาย สศค. ยืนหลักการเปิดเสรี Virtual Bank-ขยายฐานภาษี-แก้เศรษฐกิจนอกระบบ พร้อมสั่งแบงก์รัฐอุดช่องว่างทางการเงิน ตอบสนองความต้องการประชาชน

วันที่ 15 พฤษภาคม 2567 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังจากมอบนโยบายสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ว่า สศค. ถือเป็นมันสมองในการกำหนดทิศทางนโยบายการคลังของประเทศ จึงมีความสำคัญมาก โดยได้ขอให้หน่วยงานมีทัศนคติในการคิดนอกกรอบ ถ้ากำหนดนโยบายการคลังภายใต้กรอบก็จะทำให้เศรษฐกิจเดินไปไม่ได้ ย่ำอยู่ที่เดิม

ดังนั้นจึงได้ให้แนวคิดไปว่า ให้คิดนอกกรอบ และถ้ากรอบไหนมีปัญหาก็ค่อยมาแก้ไขกรอบนั้นให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้ ได้มอบนโยบายแบ่งเป็น

1. สศค. อยู่ในฐานะที่เป็นหน่วยงานมันสมองต้องคิดนอกกรอบ

2. สศค. เป็นหน่วยงานมันสมองที่ต้องปรับตัวให้ทันยุคทันสมัย นโยบายที่เคยทันสมัยในอดีตอาจจะไม่ทันสมัยในปัจจุบัน จึงต้องมีการปรับตัวในเชิงนโยบาย

ADVERTISMENT

3. สศค. ต้องเป็นมันสมองที่เชื่อมโยงกับประชาชน กับความกินดีอยู่ดีของประชาชน ไม่เป็นหน่วยงานที่อยู่บนหอคอยงาช้าง ต้องลงพื้นที่สัมผัสความเป็นอยู่และความเดือดร้อนของประชาชนด้วย

4. สศค. ต้องเป็นมันสมองที่มีความสมดุลในหลักวิชาการ กับความเป็นจริงในสังคม ไม่กำหนดนโยบายโดยใช้หลักวิชาการเพียงอย่างเดียว โดยไม่อิงกับความเป็นจริง

ADVERTISMENT

ส่วนประเด็นเรื่องธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) ที่กระทรวงการคลังได้ออกประกาศไปแล้ว ซึ่งไม่ได้มีการกำหนดจำนวนราย แต่มีการกำหนดเงื่อนไขการดำเนินงานนั้น ได้สั่งการไปว่า สศค. ต้องยืนในหลักการนี้ ไม่ควรมีการจำกัดจำนวนราย โดยใช้ความสามารถในการกำกับเป็นที่ตั้ง

“การกำกับดูแลธนาคารไร้สาขาเป็นหน้าที่ของ ธปท. แต่ประกาศของกระทรวงการคลังก็ชัดเจนว่าไม่ได้มีการจำกัดจำนวน เราดูตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในประกาศไม่ควรตั้งเป้าหมายไว้ก่อนว่าจะเอากี่ราย และไปให้ใบอนุญาตเพียงเท่านั้น ข่าวที่ออกไปว่าจะมีการให้ใบอนุญาตเพียง 3 ราย เพราะเหมาะสมสำหรับเศรษฐกิจประเทศในปัจจุบัน แต่ทางคลังเขียนชัดในประกาศว่าไม่จำกัดจำนวนราย ซึ่งได้ให้นโยบายกับ สศค. ไปว่าจะต้องยืนในหลักการนี้” นายเผ่าภูมิกล่าว

นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ยังได้มอบนโยบายให้กับส่วนงานภายใต้สังกัด สศค. แบ่งเป็นกองนโยบายการเงิน ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ จะต้องอุดช่องว่างทางการเงิน ทำในสิ่งที่ธนาคารพาณิชย์ไม่อยากทำและรับความเสี่ยงได้จำกัด

รวมทั้งได้ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงสินเชื่อของประชาชน เรื่องนี้ต้องให้น้ำหนักมากกว่าต้นทุนในการเข้าถึงสินเชื่อ ในส่วนการเงินภาคประชาชนนั้น ได้ให้ความสำคัญกับพิโกไฟแนนซ์ เพราะเป็นกลไกที่แข่งขันกับเจ้าหนี้นอกระบบได้เป็นอย่างดี ซึ่งพยายามดึงเจ้าหนี้นอกระบบมาเป็นพิโกไฟแนนซ์ และถือเป็นกลไกให้กับประชาชนรายเล็กสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น

รมช.การคลังกล่าวอีกว่า ยังได้มอบนโยบายกองนโยบายภาษี เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างภาษี แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ อัตราภาษี ฐานภาษี และการขยายเศรษฐกิจให้เติบโต ซึ่งนำมาสู่รายได้การจัดเก็บภาษี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เศรษฐกิจมีความเปราะบาง และภาวะเศรษฐกิจยังทรงตัว จึงได้มอบนโยบายให้ความสำคัญกับการขยายฐานภาษี มากกว่าการเพิ่มอัตราภาษี

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีปัญหาเศรษฐกิจ ยังมีประชาชนอยู่นอกระบบ ซึ่งการดึงคนเข้าสู่ระบบมีกลไกเป็นอย่างมาก เช่น การมีอาชีพในระบบมากขึ้น เป็นต้น หากใช้วิธีการขยายฐานภาษีด้วยอัตราจะมีผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง และด้วยภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันยังไม่เหมาะกับการสร้างอัตราภาษีเพิ่มด้วย

ส่วนในเรื่องการออมนั้น ปัจจุบันยังมีปัญหาผู้สูงอายุแก่แล้วยังจน ไม่มีเงินออม ซึ่งขณะนี้ใช้วิธีการออมภาคสมัครใจ แต่ไม่ได้รับความนิยม และหากใช้วิธีการออมภาคบังคับก็กระทบระบบเศรษฐกิจ ฉะนั้น ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างพิจารณาการออมด้วยการสร้างแรงจูงใจ ซึ่งเร็ว ๆ นี้จะแถลงรายละเอียดต่อไป เมื่อมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว

สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลัง ที่จะได้เห็นคือเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่จะถูกผลักดันเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ผ่านงบประมาณปี 2567 จะเข้าไปทั้งก้อนในระยะเวลา 5 เดือนนี้, งบประมาณปี 2568 จะเข้ามาอีกก้อนใหญ่ในช่วง ต.ค. 2567 และยังมีเม็ดเงินจากโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต ที่จะเข้ามาในช่วงปลายปี ทำให้คาดหวังได้ว่าเศรษฐกิจจะมีการผงกหัวขึ้น ส่วนเม็ดเงินจากทั้ง 3 ก้อนจะทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจขยายตัวได้มากกว่าประมาณการที่ 2.4% หรือไม่นั้น นายเผ่าภูมิระบุว่าคาดการณ์อย่างนั้น

อย่างไรก็ดี เร็ว ๆ นี้ กระทรวงการคลังเตรียมจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณามาตรการสินเชื่อสำหรับเมืองรอง และมาตรการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนนโยบาย IGNITE Thailand ตามนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมหลัก เพื่อดันให้ประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาค ส่วนรายละเอียดต้องรอให้ผ่านความเห็นชอบของ ครม. ก่อน