เปิด “รายได้-สินทรัพย์” ตลาดหลักทรัพย์ฯ ในมือผู้จัดการคนใหม่

อาคาร ตลท. SET ตลาดหุ้นไทย
ภาพ:

เปิด “รายได้-สินทรัพย์” ตลาดหลักทรัพย์ฯ ในมือผู้จัดการ คนใหม่ พบปี 2566 รายได้กว่า 7 พันล้าน สินทรัพย์รวม 5.6 หมื่นล้าน

วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นหนึ่งองค์กรที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ผ่านการขับเคลื่อนการพัฒนาตลาดทุนไทยให้มีศักยภาพในการแข่งขันได้ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก และที่สำคัญเป็นแหล่งเงินออมระยะยาวให้กับประชาชน

จากเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2518 ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ The Stock Exchange of Thailand (SET) ได้เปิดให้มีการซื้อขายครั้งแรก และในปี 2568 จะเป็นการครบรอบ 50 ปี ของการดำเนินงาน

ประชาชาติธุรกิจ จึงจะชวนไปส่องรายได้และสินทรัพย์รวมภายใต้องค์กรแห่งนี้ ซึ่งอีกไม่กี่เดือน จะเปลี่ยนผู้นำคนใหม่ โดยเป็นการส่งไม้ต่อจาก ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯคนปัจจุบัน ที่จะเกษียณอายุลงในเดือน ก.ย. 2567 ให้กับผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯคนใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างคัดเลือกและสอบสัมภาษณ์จากคณะกรรมการสรรหาของตลาดหลักทรัพย์ฯ

ปี 2566 รายได้ 7 พันล้าน

โดยอ้างอิงข้อมูลงบการเงินประจำปี 2566 ของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะพบว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีรายได้จากการดำเนินงาน 6,850 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 9.3% เมื่อเทียบจากปี 2565 ที่มีรายได้ 7,554 ล้านบาท โดยสามารถแยกโครงสร้างรายได้ตามส่วนงานธุรกิจที่สำคัญ ประกอบด้วย

  • ธุรกิจตราสารทุน 2,716 ล้านบาท ลดลง 21.13% (คิดเป็นสัดส่วน 40%)
  • ธุรกิจบริการงานนายทะเบียนและงานบริการอื่น 1,655 ล้านบาท ทรงตัว (คิดเป็นสัดส่วน 24%)
  • ธุรกิจบริการเทคโนโลยี 1,377 ล้านบาท ลดลง 1.43% (คิดเป็นสัดส่วน 20%)
  • ธุรกิจตราสารอนุพันธ์ 1,102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.25% (คิดเป็นสัดส่วน 16%)

ADVERTISMENT

ทั้งนี้หากรวมรายได้อื่นอีก 235 ล้านบาท เท่ากับปี 2566 ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีรายได้ทั้งสิ้น 7,085 ล้านบาท ลดลง 8.59% เทียบจากปี 2565 มาจากการลดลงของรายได้ธุรกิจตราสารทุน จำนวน 728 ล้านบาท จากค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์และค่าธรรมเนียมงานชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ที่ลดลง ตามปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตราสารทุน

ขณะที่รายได้ของธุรกิจตราสารอนุพันธ์รวมเพิ่มขึ้น จำนวน 45 ล้านบาท สอดคล้องกับปริมาณการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ SET50 Index Futures และ Currency Futures เพิ่มขึ้น

ADVERTISMENT

สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานรวม จำนวน 5,226 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานและเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นตามการพัฒนาและดูแลระบบงาน

ส่วนการลงทุนในปี 2566 เงินลงทุนมีรายได้สุทธิ จำนวน 206 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากรายได้ดอกเบี้ยรับที่ปรับตัวสูงขึ้น และการปรับตัวเพิ่มขึ้นของมูลค่าเงินลงทุน โดยเฉพาะในกลุ่มตราสารทุนโลกและตราสารหนี้โลก ซึ่งเป็นผลจากแนวโน้มการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเริ่มชะลอตัวลง

จากผลดังกล่าวทำให้กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ มีรายได้รวมสูงกว่าค่าใช้จ่ายก่อนเงินนำส่งแก่กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) และภาษีจำนวน 2,099 ล้านบาท

ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีค่าใช้จ่ายเงินนำส่งรายปีแก่กองทุน CMDF จำนวนประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งคำนวณในอัตรา 90% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ภาษีและเงินสำรอง โดยใช้งบการเงินรวมประจำปี 2566 ของกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ จากผลทั้งหมดดังกล่าว กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯมีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิจำนวน 1,280 ล้านบาท สำหรับปี 2566

สินทรัพย์รวม 5.6 หมื่นล้าน

ทั้งนี้ฐานะการเงินของตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดสิ้นปี 2566 พบว่า มีสินทรัพย์รวม จำนวน 56,744 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 438 ล้านบาท หรือ +0.8% มีรายละเอียดดังนี้

1. มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด เงินฝากธนาคารสำหรับผลประโยชน์ทางการเงินรอจ่ายคืน และสินทรัพย์ทางการเงิน รวมจำนวน 21,434 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 38% ของสินทรัพย์รวม มียอดรวมคงเหลือเพิ่มขึ้น 419 ล้านบาท หรือ +2%

มีการลงทุนในเงินฝากธนาคาร พันธบัตร ตราสารหนี้ หน่วยลงทุนในกองทุนรวม และตราสารทางการเงินทั้งในและต่างประเทศ โดยกำหนดนโยบายการลงทุนให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การลงทุนของเงินลงทุนในแต่ละส่วน

โดยสินทรัพย์ทางการเงินรวมได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนในตราสารหนี้ ทั้งนี้ในปี 2566 มีผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของตราสารทุน 595 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนผ่านบริษัทย่อยที่เข้าไปลงทุนในกิจการต่างประเทศ ที่ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มให้บริการศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ดิจิทัลแบบครบวงจร ส่งผลให้เงินลงทุนในตราสารทุนที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นมีมูลค่าลดลง

2. ทรัพย์สินหลักประกัน และทรัพย์สินเพื่อความมั่นคงและผลประโยชน์ จำนวน 20,597 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 36% ของสินทรัพย์รวม ลดลงจำนวน 140 ล้านบาท หรือ -0.7% ตามการถอนเงินหลักประกันของสมาชิกของสำนักหักบัญชี ซึ่งมีหน้าที่ต้องนำทรัพย์สินมาวางเป็นหลักประกันในการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ตามอัตราที่กำหนด

3. ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ และสินทรัพย์ไม่มีตัวตน จำนวน 5,092 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9% ของสินทรัพย์รวม ลดลงจำวน 90 ล้านบาท หรือ -2% จากการตัดค่าเสื่อมราคาตามอายุการใช้งานของระบบงานในปี 2566

ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีเงินกองทุนรวม จำนวน 31,518 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 654 ล้านบาท หรือ +2% จากผลการดำเนินงานประจำปีที่กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิจำนวน 1,280 ล้านบาท และผลขาดทุนจากการวัดมูลค่าเงินลงทุนเข้ากำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นจำนวน 626 ล้านบาท