ตลาดรถยนต์ร่วงหนักฉุดภาษี สรรพสามิตหืดจับ 7 เดือนฮวบ 1.8 หมื่นล้าน

showroom

สรรพสามิตอ่วมรายได้ภาษีรถยนต์ตกแรง เอฟเฟ็กต์ตลาดรถยนต์เมืองไทยร่วงหนัก-ลดภาษีหนุน EV ฉุดรายได้รัฐ 7 เดือนแรกภาษีรถยนต์วูบ 1.8 หมื่นล้าน ฟาก “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย-ทีทีบี” ประเมินยอดขายรถปีนี้ติดลบ

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2567 กรมสรรพสามิตได้ปรับเป้าหมายจัดเก็บรายได้ที่ 598,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 25% ซึ่งเป็นการตั้งเป้าก่อนจะมีการลดภาษีน้ำมัน และก่อนรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) จะได้รับความนิยม โดยรายได้ภาษีน้ำมันมีสัดส่วนถึง 40% ของรายได้ที่กรมจัดเก็บทั้งหมด ส่วนภาษีรถยนต์มีสัดส่วน 20% รวมกันประมาณ 60% แล้ว

“ภาษีน้ำมันที่เก็บได้ต่ำ ก็เพราะต้องดูแลภาระของประชาชน ซึ่งกระทบรายได้เดือนละ 20,000 ล้านบาท ขณะที่มาตรการอีวี 3.0 และอีวี 3.5 ทำให้ตลาดรถอีวีโตกว่า 600% ถือว่าจุดติด แต่เรามีการลดภาษีรถอีวีเหลือ 2% จึงมีผลต่อรายได้ แต่ก็ช่วยให้เกิดการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ แต่ภาพรวมตลาดรถยนต์ที่ตกค่อนข้างแรง ทำให้มีผลกระทบต่อรายได้ค่อนข้างมาก” นายเอกนิติกล่าว

อธิบดีกรมสรรพสามิตกล่าวว่า ในอนาคตสรรพสามิตต้องเปลี่ยนบทบาทไปสู่ ESG (Environmental : สิ่งแวดล้อม, Social : สังคม และ Governance : ธรรมาภิบาล) มากขึ้น อย่างการเก็บภาษีคาร์บอน แต่จะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้น อยู่ที่การตัดสินใจระดับนโยบาย เช่นเดียวกับการปรับโครงสร้างภาษียาสูบที่ยังต้องมาหารือรายละเอียดกันอีกที

รายงานจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2567 กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้อยู่ที่ 304,506 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 47,089 ล้านบาท หรือ 13.4% แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 27,541 ล้านบาท หรือ 9.9% โดยการจัดเก็บภาษีรถยนต์ในเดือนล่าสุด เม.ย. 2567 จัดเก็บได้ 4,660 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 4,000 ล้านบาท หรือลดลง 46% และต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 3,700 ล้านบาท หรือต่ำเป้า 44%

ทั้งนี้ ช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2567 กรมสรรพสามิตเก็บรายได้จากภาษีรถยนต์ได้ทั้งสิ้น 44,600 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนกว่า 17,600 ล้านบาท และต่ำกว่าเอกสารงบประมาณ 18,300 ล้านบาท

ADVERTISMENT

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า ภาพรวมการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตในปีงบประมาณ 2567 ยอมรับว่าไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะการลดภาษีน้ำมัน ซึ่งคนที่แบกรับคือกรมสรรพสามิต ทำให้สูญเสียรายได้เฉลี่ยเดือนละ 20,000 ล้านบาท

กราฟฟิก ภาษีรถยนต์

ADVERTISMENT

ขณะที่ภาษีรถยนต์ที่จัดเก็บลดลง ก็มาจากกลไกภาษีในการสนับสนุนการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมยานยนต์สันดาปภายใน (ICE) ไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการดึงดูดการลงทุนต่างประเทศผ่านกลไกภาษีของสรรพสามิต แต่สามารถดึงดูดการลงทุนได้กว่า 80,000 ล้านบาท และช่วยลดคาร์บอนได้ถึง 2.4 แสนตันคาร์บอนต่อปี

โดยภาพต่อไปของ EV คือต้องมองภาพ EV ภาคการขนส่ง การสนับสนุนแบตเตอรี่ให้มีราคาเหมาะสม และจูงใจให้มีการลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าว เพื่อให้ไทยอยู่ได้อย่างยั่งยืนในเรื่องพลังงานสะอาด

“การจัดเก็บที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เข้าใจได้ แต่กรมยืนยันว่าจะเดินหน้าขับเคลื่อนการจัดเก็บให้มีประสิทธิภาพต่อไป เพื่อให้ใกล้เป้าหมายที่ตั้งไว้มากที่สุด” รมช.คลังกล่าว

ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ยอดขายรถปี 2567 คาดว่าจะติดลบ 3% แม้ว่าค่ายรถจะเร่งทำกลยุทธ์ราคา เพื่อเพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งตลาดมาตั้งแต่เริ่มปี 2567 ก็ตาม

ด้านศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) ประเมินว่า เทรนด์การใช้รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ของไทยในระยะต่อไปจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และจะส่งผลให้ส่วนแบ่งยอดขายรถยนต์ที่เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ทยอยลดลงจาก 77.9% ของยอดขายทั้งหมดในปี 2566 เหลือเพียง 57.9% ภายในปี 2573 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยรุนแรงขึ้น เนื่องจากโครงสร้างอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไทยปรับตัวได้ช้า อีกทั้งไทยยังเสียเปรียบต้นทุนการผลิตรถในประเทศ

ขณะที่การตั้งเป้าให้ไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ BEV ของอาเซียนอาจยังทำได้ไม่เต็มที่ และเจอคู่แข่งจากประเทศเพื่อนบ้าน ยิ่งกว่านั้น บทบาทในห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีแบตเตอรี่ไฟฟ้าของไทยค่อนข้างน้อยจากข้อจำกัดรอบด้าน

ทั้งนี้ ttb analytics ประเมินยอดขายรถยนต์ในประเทศ ปี 2567 อยู่ที่ 771,780 คัน หรือหดตัว 0.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) โดยยอดขายรถกระบะคาดว่าจะมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้สัดส่วนรถกระบะในปีนี้ทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อนที่ระดับ 48% ของยอดขายรถยนต์รวมในประเทศ จากที่เคยสูงถึงเกือบ 60% ในปี 2564 ขณะที่ยอดขาย BEV ปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 103,182 คัน หรือขยายตัว 36.3% ทำให้ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ BEV เพิ่มสูงขึ้นเป็น 13.4% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ด้านส่วนแบ่ง ICE จะลดลงเหลือ 72.9%