
คลังกลับลำ จ่อแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท “สมาร์ทโฟน-เครื่องใช้ไฟฟ้า” ซื้อไม่ได้ แจงนายกฯ สั่งถอยหลังสังคมถกเถียงหนัก โยนการบ้านพาณิชย์เร่งกลับไปพิจารณา ขีดเส้น 1 สัปดาห์ได้ข้อสรุป
วันที่ 17 มิถุนายน 2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลตว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์กลับไปทบทวนเรื่องสินค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ (Negative List) โดยเฉพาะกลุ่มสินค้านำเข้า (Import Content) อาทิ
สมาร์ทโฟนและเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ข้อสรุปแล้วว่าสินค้าดังกล่าวสามารถเข้าร่วมโครงการได้ เนื่องจากถือเป็นปัจจัยที่ 5 และเป็นเครื่องมือทำมาหากิน โดยให้เร่งกลับไปพิจารณาและนำข้อสรุปมาเสนออีกครั้งในสัปดาห์หน้า
“เรื่องสมาร์ทโฟนและเครื่องใช้ไฟฟ้าตอนนี้ยังไม่จบ เพราะหลังจากที่มีข่าวออกไปก็มีการถกเถียงกันในสังคม ก็ถือว่าเป็นข้อดีของสังคมประชาธิปไตย ซึ่งรัฐบาลพร้อมรับฟัง และนายกรัฐมนตรีได้แสดงความเป็นห่วงใยเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงอยากให้ส่วนงานที่รับผิดชอบกลับไปทบทวนเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง ดังนั้นที่ประชุมจึงได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิย์กลับไปทบทวนอีกครั้ง เพราะต้องเข้าใจก่อนว่าโครงการดิจิทัลวอลเลตนี้ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริโภคและการผลิตภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งรัฐบาลก็ห่วงว่าสินค้า Import Content นี้ เมื่อมีการใช้จ่ายเงินซื้อในรอบแรก เงินจะไหลไปต่างประเทศ ซึ่งอาจจะผิดคอนเซ็ปต์ของโครงการ” นายจุลพันธ์กล่าว
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าประเด็นเรื่อง Import Content ค่อนข้างกว้างมาก และมีความยากในเรื่องการกำกับดูแลพอสมควร เช่น กรณีเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มีทั้งที่ผลิตในประเทศและนอกประเทศ ตรงนี้ก็ต้องหาวิธีการกำหนด การกำกับที่จะสามารถทำให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะสินค้า Import Content ไม่ได้มีแค่เฉพาะสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสินค้าอื่น ๆ ด้วย
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือในรายละเอียดเกี่ยวกับระบบการลงทะเบียนของประชาชนและร้านค้า ซึ่งยังยืนยันตามกำหนดการเดิมคือ ในไตรมาส 3/2567 รวมถึงการเชื่อมระบบในลักษณะ Open Loop ซึ่งเรื่องนี้ยังต้องหารือในรายละเอียดต่อไป และจะต้องมีการพูดคุยกับส่วนงานที่ไม่ใช่ราชการ เช่น กลุ่มธนาคาร กลุ่มระบบอีเพย์เมนต์ เป็นต้น รวมถึงมีการพูดคุยถึงกลไกในการเปิดช่องทางเพื่อให้ประชาชนสามารถยื่นอุทธรณ์สิทธิได้ และเร็ว ๆ นี้รัฐบาลจะเร่งประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องชัดเจนให้กับประชาชน
อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าประชาชนทุกกลุ่มจะได้รับเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท พร้อมกันทั้งหมด ไม่มีการให้แยกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก่อนแน่นอน และยืนยันอีกว่าระบบการลงทะเบียนของรัฐที่เตรียมไว้จะสามารถรองรับความต้องการของประชาชนได้อย่างแน่นอน ส่วนประเด็นเรื่องการสอบถามไปยังกฤษฎีกา กรณีดึงเงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 1.72 แสนล้านบาทมาใช้เพื่อรองรับโครงการดิจิทัลวอลเลตนั้น ยังไม่ได้ดำเนินการ โดยจะทำเมื่อถึงเวลาที่ต้องทำ เพราะขณะนี้ยังมีเวลา