
“กิติพงศ์” ประธานบอร์ดตลาดหุ้นไทย ออกโรงยืนยัน “อัสสเดช คงสิริ” ไม่เอี่ยว STARK ยืนยันมติที่ประชุมโปร่งใส กรรมการ 10 คน คะแนนเป็นเอกฉันท์ เผยวิสัยทัศน์ “อัสสเดช” ตรงกัน หนุน บจ.ทำแผน 3 ปี ส่งให้ตลาดหลักทรัพย์ฯพิจารณามูลค่าการเติบโตของบริษัท เทียบบริษัทในตลาดหุ้นเกาหลีใต้และญี่ปุ่น คืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ “อัสสเดช” ได้ยื่นลาออกจาก “ดีลอยท์” เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปเตรียมโอนหุ้น-เคลียร์ลูกค้าลดผลประโยชน์ทับซ้อน ก่อนเข้าเริ่มงานผู้จัดการคนใหม่ 1 ส.ค. 67 พร้อมฝากภารกิจแรกที่สำคัญสุด กอบกู้ความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย
วันที่ 17 มิถุนายน 2567 ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงษ์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (17 มิ.ย. 2567) นายอัสสเดช คงสิริ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง หัวหน้าทีมที่ปรึกษาการเงิน ดีลอยท์ ประเทศไทย ไปเรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนต่อไปจะต้องโอนหุ้นออกและเคลียร์ลูกค้าที่อาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนเพื่อความเรียบร้อย ก่อนที่จะมาเริ่มงานในตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯคนใหม่ ในวันที่ 1 สิงหาคม 2567
ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ของ นายอัสสเดช ที่เชื่อว่าได้รับเลือกเป็นผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯคนใหม่คือเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ตลาดเงินและตลาดทุนในระดับโลก เชื่อว่าจะขับเคลื่อนตลาดทุนไทยได้ แม้ว่าจะเป็นบุคคลภายนอก แต่เชื่อว่าพนักงานตลาดหลักทรัพย์ฯจะให้ความร่วมมือ และคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯก็จะช่วยให้ นายอัสสเดช ขับเคลื่อนการดำเนินงานไปได้อย่างดี
นอกจากนี้ นายอัสสเดช ยังมีแผนงานสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) จัดทำแผน 3 ปี ส่งมาให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อจะพิจารณาว่ามูลค่าบริษัทแต่ละแห่งจะมีการเติบโตขึ้นมากน้อยแค่ไหน โดยเปรียบเทียบกับบริษัทในตลาดหุ้นเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯคิดอยู่
และนายอัสสเดช มีแผนงานที่ตรงกัน รวมไปถึงยังมีมุมมองต่อจุดขายของประเทศไทยและการดูแลผู้ถือหุ้นรายย่อย จากที่ได้รับฟังความเห็นมาจากหลากหลายภาคส่วนอีกด้วย
“นายอัสสเดช เคยทำงานร่วมกันกับผมช่วงที่ทำแผนฟื้นฟูการบินไทย และก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นการเลือกคนที่เคยรู้จักกัน ความเห็นส่วนตัวมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเป็นคนที่มีความสามารถ แต่ยืนยันว่าการเลือกครั้งนี้โปร่งใส เพราะผมคงไม่สามารถไปสั่งกรรมการคนอื่นได้ จากที่มติประชุมออกมาเป็นเอกฉันท์” ประธานบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯกล่าว
ทั้งนี้ สำหรับโจทย์แรกหรือการบ้านของผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯคนใหม่ที่ต้องขับเคลื่อนคือ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุนไทย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด เพราะหากความเชื่อมั่นกลับมา สะท้อนภาพตลาดหุ้นที่จะฟื้นตัวกลับมาได้อย่างแน่นอน
ส่วนกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงประวัติการทำงาน นายอัสสเดช กับ ดีลอยท์ ประเทศไทย มีความเกี่ยวโยงกับการตรวจสอบบัญชี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น STARK ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง โดยข้อเท็จจริงคือ
1. นายอัสสเดช ทำงานที่ บริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ ที่ปรึกษา จำกัด ไม่ใช่บริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ สอบบัญชี จำกัด ที่เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีของ STARK นอกจากนั้น นายอัสสเดช ได้เริ่มทำงานที่ บริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ ที่ปรึกษา จำกัด ในเดือนมิถุนายนปี 2565 ซึ่งขณะนั้น STARK ได้มีการเปลี่ยนผู้ตรวจสอบบัญชีเป็น บริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส เอบีเอส จำกัด (PwC) ไปแล้ว ดังนั้นความสัมพันธ์การตรวจสอบบัญชี STARK กับ นายอัสสเดช ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ
2. กรณีนายอัสสเดช ถือหุ้นอยู่ในบริษัทโฮลดิงส์ของกลุ่มดีลอยท์ โดยปกติแล้วการเป็นหุ้นส่วนบริษัทบัญชีข้ามชาติ การถือหุ้นเพื่อที่จะเป็นกรรมการ ทั้งนี้ นายอัสสเดช มีการรับโอนหุ้นมาในช่วงปี 2565
“เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน และลดข้อครหาถึงความโปร่งใสของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่อาจถูกมองว่าทำไมเลือก นายอัสสเดช มาดำรงตำแหน่งผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯคนใหม่ ทั้งที่มีความเกี่ยวข้องกับ STARK
ขอเน้นย้ำว่ากรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความโปร่งใส กรรมการทั้ง 10 คน ลงคะแนนเป็นเอกฉันท์ จึงขอให้มั่นใจว่าการคัดเลือกในครั้งนี้โปร่งใส และอย่าไปเชื่อสังคมออนไลน์ที่ทำโดยไม่มีความรับผิดชอบ ซึ่งเรื่องนี้ นายอัสสเดช ค่อนข้างเสื่อมเสียชื่อเสียง” ประธานบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯกล่าว