
กรุงเทพประกันภัย โอดเคลมประกันรถอีวีพุ่งปรี๊ด เผยค่ายดังจากจีนลอสเรโชทะลุ 100% แล้ว คาดดันภาพรวมทั้งอุตสาหกรรมทะยาน เตือนสัญญาณอันตรายอีกรอบ หวั่นซ้ำรอยประกันโควิด ยอมรับต้องบริหารความเสี่ยงขยับขึ้นเบี้ยพื้นฐานรถอีวี 5-10% เร่งลดสัดส่วนพอร์ต EV
นายอภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยว่า ปีนี้คาดการณ์ว่า อัตราความเสียหายที่แท้จริงจากการเคลมประกันของรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ทั้งอุตสาหกรรมจะเฉลี่ยอยู่ที่กว่า 80%
เนื่องจากการเคลมสินไหมของค่ายรถอีวีจีนค่ายหนึ่งพุ่งขึ้นจนถึงระดับ 100% โดยเฉพาะพอร์ตงานของกรุงเทพประกันภัย ค่ายรถอีวีรายดังกล่าวมีการเคลมประกันสูงถึง 101% แล้ว ยังไม่รวมต้นทุนค่าใช้จ่ายอื่น ซึ่งจะกดดันให้ภาพรวมเคลมสินไหมประกันรถยนต์ของบริษัทขยับขึ้นประมาณ 3% เป็นราว 59%
“เท่ากับบริษัทเราจะขาดทุนแน่ จากการรับประกันภัยของค่ายดังกล่าว เนื่องจากการรับประกันภัยปีที่แล้วยังไม่จบ โดยจะครบกำหนดตามสัญญากรมธรรม์ช่วงปลายปี 2567 นี้ ซึ่งรถอีวีค่ายดังกล่าวออกสู่ตลาดจำนวนมาก”
อย่างไรก็ดี พอร์ตงานรับประกันรถอีวีค่ายอื่น ๆ อาทิ MG, Porsche, Lotus, Volvo, BMW, ORA Good Cat มีอัตราความเสียหายจากการเคลมประกัน (Loss Ratio) อยู่ไม่ถึง 70% ทำให้พอร์ตรับประกันรถอีวีในภาพรวมของบริษัทมี Loss Ratio อยู่ที่ 73-74% ซึ่งก็ขาดทุนอยู่ เพราะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นโดยเฉลี่ย 18% และมีต้นทุนบริหารจัดการสินไหมยานยนต์อีกไม่ต่ำกว่า 15%
“ยิ่งถ้าเป็นบริษัทประกันรายเล็ก ๆ ต้นทุนบริหารจัดการสินไหมยานยนต์จะสูงถึง 20% เพราะใช้ต้นทุนสูงสุดในการให้บริการ เนื่องจากรถเกือบทุกคันมีเคลม สถิติเฉลี่ยรถ 1 คัน จะมีเคลม 0.6-0.7 คัน หรือรถ 10 คันที่รับประกัน ต้องไปทำเคลมอย่างน้อย 6-7 คัน แต่จะเป็นความเสียหายมากหรือน้อยก็แล้วแต่ ฉะนั้นต้นทุนของการประกันภัยรถยนต์ จะมีต้นทุนดำเนินการสูงกว่าปกติ แต่ด้วยพอร์ตและวิธีการบริหารจัดการของเรา ก็มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ราว 15%”
ทั้งนี้ เมื่อเดือน เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา บริษัทได้ทยอยปรับเบี้ยพื้นฐานรถอีวีขึ้น 5-10% แล้วแต่รุ่น และปรับทุนประกันตามราคารถที่ลดลงเร็ว เพราะถ้าไม่ทำอาจจะเห็น Moral Hazard เพื่อเคลมความเสียหายสิ้นเชิงได้ ส่วนลูกค้าใหม่ที่ทำประกันรถอีวีรุ่นใหม่จะกำหนดทุนประกัน 70-80% ของราคารถในตลาดขณะนั้น
“ตอนนี้ค่าเฉลี่ยเบี้ยรถอีวีในตลาดจะแพงกว่ารถสันดาปกว่า 20% แล้ว และทิศทางนโยบายการรับประกันรถอีวีในอุตสาหกรรมขณะนี้ ก็เชื่อว่าคงไม่ทำกันแบบบ้าบิ่นแล้ว เนื่องจากทุกบริษัทเริ่มเห็นผลลัพธ์แล้ว จากช่วงก่อนที่แข่งรุนแรง คิดเบี้ยรถอีวีกับรถสันดาปราคาเดียวกัน แต่ประกันภัยในประเทศไทย ก็ไม่เคยไว้ใจได้เลย เพราะพอปลายปีเบี้ยไม่เข้าเป้า ก็จะเริ่มเห็นการให้ค่าคอมมิชชั่นมากขึ้นและดัมพ์ราคาแข่งลงมาอีก”
ทั้งนี้ นโยบายการรับประกันรถอีวีของกรุงเทพประกันภัยในเวลานี้จะค่อนข้างระมัดระวัง และชะลอการเติบโต โดยครึ่งปีแรก 2567 มีจำนวนรถอีวีในพอร์ตราว 10% ของรถอีวีจดทะเบียนสะสม หรือราว 12,000 คัน ซึ่งเป็นรถอีวีของค่ายที่เคลมพุ่งสูงถึง 7,000-8,000 คัน
ทั้งนี้ การชะลอการเติบโตก็คือ ไม่เข้าร่วมแคมเปญกับพันธมิตร ส่วนลูกค้าเก่าที่ครบสัญญา ถ้าประวัติดี ก็จะรับต่ออายุ แต่ก็จะคำนวณเบี้ยที่สะท้อนความเสี่ยงขึ้น โดยปัจจุบันอัตราการต่ออายุของรถอีวีของบริษัทอยู่ที่ 60%
“คาดว่าสิ้นปี 2567 บริษัทน่าจะมีพอร์ตรถอีวีราว 20,000 คัน เบี้ยประมาณ 350 ล้านบาท ส่วนยอดขายรถอีวีใหม่ในตลาดน่าจะเหลือแค่ 96,000 คัน ลดจากเดิมที่สมาคมประกันวินาศภัยไทยคาดไว้ที่ 1.2-1.5 แสนคัน”
ส่วนแผนบริหารความเสี่ยงจากการรับประกันรถอีวี ได้ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) พิจารณาไปแล้ว โดยรายละเอียดเบื้องต้นทางบริษัทจะมีการส่งประกันภัยต่อโดยเฉลี่ยในสัดส่วน 50-60% (แล้วแต่รุ่น) มีการมอนิเตอร์เคลมสินไหมรถอีวีเป็นรายเดือน จัดส่งรายงานให้คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) รับทราบ และมีการเตรียมแผนสำรองหากพบเคลมผิดปกติ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หากอุตสาหกรรมประกันไม่ระมัดระวังในการรับประกันรถอีวีอาจจะเจอวิกฤตรอบ 2 เหมือนวิกฤตโควิดก็ได้ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาพยายามออกมาเตือนตลอด เหตุเพราะเห็นสถิติเคลมสินไหมพุ่งสูงทั่วโลก เพราะรถอีวีเป็นรถที่ต้องซ่อมศูนย์หลักเท่านั้น ซึ่งมีค่าแรงและราคาชิ้นส่วนอะไหล่แพง โดยส่วนใหญ่อะไหล่ต้องเปลี่ยน
“รถอีวีเวลาเปลี่ยนอะไหล่เซนซิทีฟมากกับต้นทุน เพราะอีวีเป็นรถที่มีเซ็นเซอร์รอบคัน ฉะนั้นพอชนแล้วเรื่องระบบไฟฟ้าต้องเดินใหม่ ซึ่งต้นทุนแพงมาก และต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญพิเศษในการซ่อม ทุนในการซ่อมเมื่อเกิดเหตุจึงแพง ทั้งในตลาดอเมริกาและยุโรป ในส่วนตลาดเมืองไทยเป็นอะไรที่ต้องคิดหนักมากเพราะไม่มีสถิติ และรถอีวีที่รับประกันส่วนใหญ่ก็เป็นรถจากจีน”
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ดี เชื่อว่าเทรนด์รถอีวีจะไม่ตายหรือหายไป มีการพัฒนาแบตเตอรี่อีวีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถชาร์จด้วยระยะเวลาที่ลดลงและวิ่งได้ไกลขึ้น แต่ก็น่ากังวลว่าระบบวงจรข้างในกับการใช้ลิเทียมในการเก็บพลังงาน ก็อาจจะมีผลกระทบเรื่องการเคลมมากขึ้น