CPF ตั้งเป้ากำไร-เทรดวอร์กระทบน้อย

CPF

CPF มั่นใจผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ไม่ขาดทุน ตั้งเป้าทั้งปี’68 รักษาระดับการเติบโตได้ต่อเนื่อง-รายได้โต 5-8% หลังปีที่แล้วกวาดกำไรสุทธิเกือบ 2 หมื่นล้าน ชี้มีโมเมนตัมดีต่อเนื่อง ต้นทุนมีเสถียรภาพ-สงครามการค้ากระทบไม่มาก ชงรัฐบาลเจรจานำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสหรัฐ ลดผลกระทบถูกกีดกันทางการค้า ยอมรับชะลอแผนแยกบริษัทลูกเข้าตลาดหุ้นไทย ส่วนตลาดหุ้นเวียดนามลุ้นสัญญาณบวก

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจ CPF ในปี 2568 ยังมองว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตจากปีก่อนได้ต่อเนื่อง โดยในไตรมาสแรกนี้เชื่อมั่นว่า ผลประกอบการจะไม่ขาดทุนแน่นอน จากไตรมาสแรกปีที่แล้วที่ติดลบ ก่อนจะมาดีขึ้นใน 3 ไตรมาสหลัง กระทั่งทั้งปี 2567 กำไรสุทธิได้ถึง 19,558 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนในปี 2566 หรือเพิ่มขึ้น 476% และมีโมเมนตัมมาถึงปีนี้

ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ
ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ

โดยปัจจุบันการบริหารจัดการต้นทุนของบริษัทค่อนข้างมีเสถียรภาพ และการบริหารค่าใช้จ่ายทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ประเด็นสงครามการค้า เบื้องต้นประเมินว่าผลกระทบกับ CPF มีไม่มาก เนื่องจากบริษัทมีโรงงานในสหรัฐ และส่งออกจากไทยไปสหรัฐน้อย มีแค่เกี๊ยวกุ้ง มูลค่าประมาณ 20-30 ล้านเหรียญเท่านั้น อย่างไรก็ดี ประเด็นนี้ขึ้นกับภาพใหญ่ของประเทศ ซึ่งขณะนี้ผลกระทบยังประเมินได้ไม่ชัดเจน

อย่างไรก็ดี ได้มีการหารือร่วมกับรัฐบาลเตรียมข้อเสนอที่จะไปเจรจากับรัฐบาลสหรัฐไว้ โดยมีข้อเสนอทางออกส่วนหนึ่งที่สามารถนำไปเจรจาได้ คือ การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสหรัฐ เพราะปัจจุบันไทยผลิตไม่เพียงพออยู่แล้ว ต้องนำเข้า ดังนั้น หากสามารถนำเข้าจากสหรัฐได้ ก็จะช่วยแก้ปัญหา ซึ่งการนำเข้าจากสหรัฐ จะต้องกำหนดว่า จะนำเข้าหลังจากรับซื้อผลผลิตในประเทศหมดแล้ว เพื่อไม่ให้กระทบเกษตรกร

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปีนี้ 5-8% โดยการส่งออกสินค้าไปตลาดยุโรปปีนี้น่าจะดี และคิดว่าผู้ประกอบการทุกรายน่าจะไปได้ดีหมดในตลาดนี้ ขณะที่รัฐบาลได้มีการเจรจาข้อตกลงการค้าไทย-สหภาพยุโรป (อียู) มีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่า จะเจรจาจบได้ภายในปีนี้

“ปีนี้ เราตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้น 5-8% โดยตลาดยุโรปน่าจะเติบโตได้ดี ซึ่งก็น่าจะดีทุกเจ้า” นายประสิทธิ์กล่าว

ADVERTISMENT

สำหรับการลงทุนในปีนี้ นายประสิทธิ์กล่าวว่า บริษัทมีการตั้งกรอบวงเงินลงทุนไว้ที่ปีละไม่เกิน 20,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้ในการปรับปรุงโรงงาน รวมถึงสร้างโรงงานใหม่ แต่ยังคงเน้นใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ระมัดระวังการลงทุน และยังให้ความสำคัญกับการลดหนี้ ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาที่หนี้ลดลงมากในรอบหลายปี

นายประสิทธิ์กล่าวว่า วงเงินลงทุนบางส่วนจะเป็นการขยายการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ ที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากมีประชากรถึง 110 ล้านคน หลังจากที่ผ่านมา การลงทุนในเวียดนาม เติบโตได้ดีมาก เนื่องจากเศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวสูงระดับ 7% ต่อปี โดยปัจจุบัน CPF มีการลงทุนโดยตรงใน 14 ประเทศ ซึ่งรายได้หลัก 31% ยังคงมาจากรายได้ในประเทศ ขณะที่รายได้จากต่างประเทศ เป็นการลงทุนในเวียดนาม 22% จีน 5% และรายได้จากการส่งออกประมาณ 6%

ADVERTISMENT

นางกอบบุญ ศรีชัย ผู้บริหารสูงสุด สายงานกิจการองค์กรและลงทุนสัมพันธ์ CPF กล่าวว่า จากที่บริษัทมีแผน Spin off บริษัทลูก คือ บริษัท ซีพีเอฟ โกลบอลฟู้ด โซลูชั่น (CPFGS) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ตอนนี้ต้องชะลอแผนไปก่อน เนื่องจากภาวะต่าง ๆ ยังไม่เอื้ออำนวย อย่างไรก็ดี การเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนาม อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากรัฐบาลเวียดนาม ซึ่งล่าสุด มีสัญญาณว่าอาจจะเดินหน้าได้

ขณะที่ทิศทางการระดมทุนของบริษัทในปีนี้ ยังคงเน้นการระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้เป็นหลัก โดยแต่ละปี CPF จะมีหุ้นกู้ครบดีลเฉลี่ยปีละ 4-5 หมื่นล้านบาท ล่าสุด เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ก็เพิ่งมีการออกหุ้นกู้ลอตใหม่ไป