ลดค่าไฟ 3.99 บาท หาช่องปรับ Adder โบรกมองลบหุ้นโรงไฟฟ้าทั้งกลุ่ม

ค่าไฟ

ครม.เคาะลดค่าไฟงวดเดือน พ.ค.-ส.ค.68 ลงเหลือ 3.99 บาท/หน่วย ช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน หาช่องทางปรับ Adder “บล.ฟินันเซีย ไซรัส” มองลบค่อนข้างมากต่อหุ้นโรงไฟฟ้าทั้งกลุ่ม ชี้ต้องระวังรัฐอาจถูกฟ้องกลับได้ ภาพระยะสั้นหุ้นโรงไฟฟ้าถูกกดดัน แนะปลี่ยนเป็นลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าไฟลดลง “บล.เอเซียพลัส” ชี้กระทบกำไรขั้นต้นหุ้นโรงไฟฟ้าไตรมาส 2/68 ลดลง 

ตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบลดค่าไฟฟ้าในงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2568 ลงเหลือ 3.99 บาท/หน่วย จากเดิม 4.15 บาท/หน่วย เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน โดยไม่ต้องใช้งบประมาณของรัฐฯในการอุดหนุน พร้อมสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงพลังงานร่วมกันดำเนินการภายใน 45 วัน

โดยที่ประชุมยังมีมติให้คณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ร่วมกันหา 1. แนวทางแก้ไขสัญญารับซื้อในรูปแบบสัญญารับซื้อไฟฟ้า (Adder-FiT) และเงื่อนไขที่กำหนดให้สัญญาดังกล่าวมีอายุต่อเนื่องโดยมีวันกำหนดสัญญา 2. หาแนวทางแก้ไขปัญหาค่าความพร้อมจ่าย (AP) และค่าพลังงาน (VP) รวมทั้งสัญญารับซื้อไฟฟ้าเงื่อนไขอื่นจากโรงรับซื้อไฟฟ้าเอกชน (IPP) ตามสัญญารับซื้อไฟฟ้าระยะยาว (PPA) ให้สัญญาที่มีเงื่อนไขที่ทำให้รัฐหรือ กฟผ.เสียเปรียบ ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงเกินสมควร 3. หาแนวทางแก้ไขปัญหาในสัญญารับซื้อไฟฟ้าต่าง ๆ ที่ทำให้ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าไม่สามารถบริหารการจัดการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.ให้ลดลงได้

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) รายงานว่า มองลบหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า แม้กรณีการปรับลดค่าไฟไม่เกิน 3.99 บาท/หน่วย จะเป็นไปตามที่คาด อย่างไรก็ตามการปรับลดดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการใช้เงินอุดหนุนของภาครัฐ แต่จะเป็นการไปแก้ไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับโรงไฟฟ้าที่มี adder และ FiT รวมถึงโรงไฟฟ้าเอกชน IPP ซึ่งจะส่งผลลบค่อนข้างมากต่อธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งระบบเกือบทุกบริษัท ยกเว้นบริษัทที่ลงทุนในโรงไฟฟ้าต่างประเทศเป็นหลักอย่าง BCPG

อย่างไรก็ดี มองว่าการแก้ไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจะไม่ได้ทำง่าย ๆ และต้องระมัดระวัง เพราะรัฐอาจจะถูกฟ้องกลับได้ ส่วนภาพระยะสั้นหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าน่าจะถูกกดดันจากปัจจัยดังกล่าวต่อเนื่อง ดังนั้นจึงแนะนำเปลี่ยนเป็นลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าไฟที่ลดลง ซึ่งจะเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีกโดยเฉพาะที่มีสาขาจำนวนมาก ได้แก่ CPALL, CPAXT, CPN, BJC, HMPRO, GLOBAL, DOHOME รวมถึง ADVANC TRUE

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด รายงานว่า มติดังกล่าวถือเป็นการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในอัตราที่ต่ำกว่าค่าไฟที่ กกพ. ได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2568 ที่เคยกำหนดให้ค่า Ft เดือน ส.ค.-พ.ค. 2568 อยู่ที่ 36.72 สตางค์/หน่วย (โดยเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐาน 3.78 บาท/หน่วย จะส่งผลให้ค่าไฟอยู่ที่ 4.15 บาท/หน่วย) โดยหากเป็นไปตามประกาศของ ครม. ค่า Ft ใหม่ คาดจะถูกปรับลดลงมาเหลือ 20.67 สตางค์/หน่วย

ADVERTISMENT

ในมุมมองของฝ่ายวิจัยเบื้องต้นคาดถือเป็นมุมมองเชิงลบต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าทั้งกลุ่ม โดยในกลุ่มผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า SPP อาทิ BGRIM, GPSC, และ GULF คาดจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในงวดไตรมาส 2/2568 ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า (QOQ) จากมุมมองเดิมที่เคยคาดว่าจะยังสามารถอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงเดิมได้ เช่นเดียวกับกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ที่มีโครงสร้างค่าไฟฟ้าในบางโครงการอิงกับค่า Ft ส่งผลให้ราคาขายไฟฟ้าในงวดไตรมาส 2/2568 ปรับตัวลดลง QOQ โดยช่วงสั้นคาดราคาหุ้นในกลุ่มฯ จะปรับตัวลดลงจากประเด็นข่าวดังกล่าว