กรุงศรีปรับเกมกู้นาโนฯ จีบลูกค้าผู้รับเหมา-ค้าปลีก

กรุงศรีคอนซูมเมอร์ ปรับโมเดลรุก “นาโนไฟแนนซ์” ผ่านสินเชื่อ “เถ้าแก่ทันใจ” หลัง 1 ปีบริการไม่เวิร์กหาลูกค้ายาก จีบพันธมิตรธุรกิจ “รับเหมาฯ-ค้าปลีก” หวังขยายตลาดกลุ่มใหม่พร้อมบิ๊กดาต้า หนุนปล่อยกู้ง่าย-เร็ว ป้อนบริการตรงใจลูกค้า ชะลอเปิดสาขาขอนแก่น

นางสาวณญาณี เผือกขำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อยุธยาแคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด (กรุงศรี คอนซูมเมอร์) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการปรับโมเดลธุรกิจสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ภายใต้แบรนด์ “เถ้าแก่ทันใจ” เพื่อช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยจะเน้นจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทรับเหมาก่อสร้าง บริษัทค้าปลีกต่าง ๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เนื่องจากบริษัท

ดังกล่าวจะมีฐานลูกค้าที่เป็นเจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการ จะเห็นตัวตนของลูกค้าและมีข้อมูลพฤติกรรมการซื้อการขาย เห็นการใช้จ่ายและการชำระเงิน ซึ่งข้อมูลบิ๊กดาต้าเหล่านี้ จะทำให้กรุงศรีฯสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายและเร็วขึ้น สามารถให้บริการได้ตรงความต้องการลูกค้า ซึ่งคาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อผ่านโมเดลใหม่ ประมาณต้นปีหน้าเป็นต้นไป

“เราคาดว่าจะช่วยขยายฐานลูกค้า และทำยอดสินเชื่อได้ก้าวกระโดด และหากโมเดลนี้ได้ผล จะช่วยทำให้ต้นทุนการบริหารจัดการด้านสินเชื่อปรับลดลงต่อเนื่อง ทำให้เรามีความสามารถทำกำไรได้ดีขึ้น จากเดิมเรามีรายได้จากดอกเบี้ยที่ปล่อยกู้อยู่ที่ 36% แต่พอหักต้นทุนแล้ว ก็พบว่าความสามารถทำกำไรอยู่ในระดับต่ำ หากเทียบกับธุรกิจอื่นๆ เพราะต้นทุนการปล่อยกู้นาโนไฟแนนซ์สูงกว่าสินเชื่อประเภทอื่น ๆ มาก”

นางสาวณญาณีกล่าวดังนั้น กรุงศรีฯจึงต้องปรับกลยุทธ์ไปในแนวทางใหม่ เพราะธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ เป็นธุรกิจที่เข้าถึงค่อนข้างยาก และการเข้าถึงคนกลุ่มนี้ จะมีต้นทุนค่อนข้างสูง จะต้องใช้พนักงานค่อนข้างมากในการหาลูกค้า การประเมินและตรวจสอบรายได้ต่าง ๆ ซึ่งต่างจากสินเชื่อส่วนบุคคลหรือสินเชื่อประเภทอื่น ๆ ที่พิจารณาหลักฐานทางการเงินเป็นหลัก แต่กลุ่มลูกค้านาโนไฟแนนซ์ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่เข้าถึงสินเชื่อน้อย และมีประวัติทางการเงินน้อย บริษัทจึงต้องใช้คนติดตามและประเมินลูกค้าเป็นราย ๆ อย่างละเอียดก่อนจะอนุมัติสินเชื่อให้ ทำให้บริษัทมีต้นทุนจากการดำเนินงานค่อนข้างสูง

“วิธีการที่จะเข้าถึงคนกลุ่มนี้ จึงต้องมีการปรับนโยบายไปเจาะกลุ่มบริษัทมาเป็นพันธมิตรกับเรามากขึ้น และให้บริษัทช่วยหาลูกค้า ยกตัวอย่างผู้รับเหมา ผู้ประกอบการที่ซื้อขายกับพันธมิตรของเรา เพราะเวลาลูกค้าซื้อของไปทำธุรกิจต่อ ก็จะให้ค้าง (จ่าย) ไว้ก่อน และค่อยทำบิลเก็บเงินตามไป ซึ่งสินเชื่อเราก็เข้าไปตอบโจทย์ลูกค้าเขา เพราะหากลูกค้าเหล่านี้ได้สินเชื่อเถ้าแก่ทันใจ ก็จะสามารถจ่ายเงินค่าสินค้าได้ทันที ซึ่งไม่ต้องวางบิลไว้ พันธมิตรจะช่วยคัดกรองลูกค้าให้เรา ท้ายที่สุดก็จะเป็น B to B to C (business to business to customer) เพราะเป็นการจับมือจากธุรกิจไปธุรกิจและไปสู่ผู้บริโภค ซึ่งจากที่ลองตลาดนาโนฯมากว่า 1 ปี พบว่าปล่อยกู้นาโนไฟแนนซ์ไม่ง่ายปัจจุบันเรามียอดอนุมัติสินเชื่อนาโนฯอยู่ที่ราว 40% ขณะที่การหาลูกค้าใหม่ของนาโนทำได้ปีละ 1,000 บัญชี แต่เฟิร์สช้อยส์ทำได้ปีละ 3 แสนคน โดยต้นทุนนาโนไฟแนนซ์จะสูงกว่ามาก” นางสาวณญาณีกล่าว

สำหรับปัจจุบัน กรุงศรีฯมีลูกค้านาโนไฟแนนซ์จำนวน 2,300 บัญชี ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มขึ้นอีกราว 2,500 บัญชี เนื่องจากได้มีการขยายพื้นที่บริการเพิ่มใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และ จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้ กรุงศรีฯมีการเปิดให้บริการสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์แล้ว 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี หาดใหญ่ เชียงใหม่ ส่วนสาขาขอนแก่น ชะลอการเปิดเพื่อรอโมเดลใหม่

ส่วนยอดปล่อยกู้นาโนไฟแนนซ์ใหม่ ในช่วงครึ่งปีแรกนี้อยู่ที่ 26 ล้านบาท ขณะที่ทั้งปีนี้คาดว่าจะปล่อยนาโนไฟแนนซ์ใหม่อยู่ที่ 60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วสินเชื่อใหม่อยู่ที่ 50 ล้านบาท ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของนาโนไฟแนนซ์อยู่ที่ 6-7% ซึ่งถือเป็นระดับที่ยังสามารถบริหารจัดการได้

“ยอดเอ็นพีแอลล่าสุด เรายังมองไม่เห็นชัด เพราะนาโนไฟแนนซ์เป็นตลาดสินเชื่อใหม่ ดังนั้นเอ็นพีแอลที่ระดับ 6-7% ก็ยังไม่เสถียร แต่ก็เชื่อว่าหากไม่เกินระดับ 8% ก็ยังเป็นระดับที่รับได้” นางสาวณญาณีกล่าว