SET วอลุ่มทะลัก 1 แสนล้านบาท AOT พุ่งนำตลาด 8%

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยภายรวมตลาดหุ้นไทยวันที่ 19 มิ.ย.62 ปิดตลาดที่ 1,705.98 จุด เพิ่มขึ้น 22.38 จุด หรือเพิ่มขึ้น 1.33% และมีมูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่ม) สูงกว่า 107,568.94 ล้านบาท โดยสาเหตุที่วอลุ่มวันนี้ปรับขึ้นค่อนข้างสูง เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากหุ้นของบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ปรับเพิ่มขึ้นนำตลาดกว่า 8.46% มูลค่าการซื้อขายรวม 2.3 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 20% ของวอลุ่มทั้งหมด โดยเป็นการสะท้อนข่าวดีเฉพาะตัวที่บริษัทฯ รายงานผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี (Minimum Guarantee) ที่จะได้รับจาก บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้เท่าตัวที่ 2.3 หมื่นล้านบาท (คาดการณ์ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท) ซึ่งจะส่งผลต่อการปรับประมาณการกำไรของบริษัทและราคาเป้าหมายต่อไป

นอกจากนี้ โมเมนตัมตลาดหุ้นที่เริ่มกลับมาดูดีขึ้นและเคลื่อนผ่านดัชนีแนวต้านที่ 1,700 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านจิตวิทยา ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกล้ารซื้อขายมากขึ้น นอกจากนี้ฝั่งของนักลงทุนที่มีการขายชอร์ต (Short Sale) มีการซื้อหุ้นที่ขายชอร์ตคืน (Cover Short) กลับไปเช่นกัน รวมทั้งมีนักลงทุนสถาบันส่วนหนึ่งที่จะต้องปรับน้ำหนักหรือซื้อหุ้นตามดัชนีส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนสถาบันวันนี้มีวอลุ่มรวมสูงสุดที่ 9.3 พันล้านบาท ขณะที่ปัจจัยในประเทศไทยยังมีทิศทางเชิงบวกเช่นกัน โดยคาดว่าในช่วงต้นเดือน ก.ค.62 จะเป็นช่วงที่เริ่มเห็นการประกาศนโยบายทางเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ออกมา

ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในคืนวันนี้ที่จะสะท้อนภาพของดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือได้ โดย บล.เมย์แบงก์ฯ คากว่าในปี 2562 สหรัฐฯ จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงมา 1 ครั้ง ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีวันพรุ่งนี้ (20 มิ.ย.62) ไว้ที่แนวรับ 1,690 จุด และแนวต้าน 1,700 จุด โดยมองว่าตลาดหุ้นจะแกว่งไซด์เวย์ออกข้างหรือพักตัวลงมาหลังจากปรับขึ้นต่อเนื่องหลายวัน ขณะที่กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้แนะนำ “ย่อซื้อ” และแนะนำซื้อหุ้นแถว 2 หรือหุ้นที่ถัดลงมาจากตัวที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มค้าปลีกแนะนำซื้อ GLOBAL และ MAKRO กลุ่มโรงไฟฟ้าแนะนำ BANPU และ EA