รัฐดึงเงินคงคลัง 6 แสนล้านบาท เบิกจ่ายช่วงงบฯปี’63 ล่าช้า 1 ไตรมาส เหตุยังกู้ชดเชยขาดดุลงบประมาณไม่ได้ สบน.ยันแผนบริหารหนี้สาธารณะเดินหน้าปกติหนุนรัฐวิสาหกิจกู้ลงทุน ขณะที่ล่าสุดเพิ่งปรับแผนลดก่อหนี้ใหม่ 1.7 หมื่นล้านบาท หลัง ร.ฟ.ท.เบิกจ่ายเงินกู้ล่าช้ากว่าแผน 1.69 หมื่นล้านบาท ทั้งรอความชัดเจนไฮสปีด 3 สนามบิน-เจอระเบิดระหว่างก่อสร้างทางคู่สายใต้
นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า การจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 คาดว่าจะล่าช้าราว 1 ไตรมาส (ต.ค.-ธ.ค. 2562) โดยน่าจะเริ่มใช้ได้ในเดือน ม.ค. 2563
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- ราคาทองวันนี้ (17 เม.ย. 67) ปรับ 8 ครั้ง ขึ้น 450 บาท รูปพรรณบาทละ 42,150 บาท
- ตรวจหวย ใบตรวจหวย ผลรางวัล สลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน 2567
ทั้งนี้ สำนักงบฯ ได้รวบรวมตัวเลขรายจ่ายที่สามารถดำเนินการได้ในช่วงดังกล่าว โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ช่วงเดือน ก.ย. อนุมัติใช้งบฯ ไปพลางรวมจำนวน 1.15 ล้านล้านบาท เป็นงบฯ ประจำ 1.1 ล้านล้านบาท และงบฯลงทุน ที่มีสัญญาผูกพันไว้แล้ว 4.2 หมื่นล้านบาท
ขณะที่นายธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า กรณีกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปีล่าช้าออกไป 1 ไตรมาสนั้น จะมีผลต่อการกู้ชดเชยการขาดดุลที่จะยังกู้ไม่ได้ไปจนกว่ากฎหมายงบประมาณจะมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ดี รัฐบาลสามารถดึงเงินคงคลังที่คาดว่าจะมีสูงระดับ 5-6 แสนล้านบาท มาใช้ไปก่อนได้
“การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จะต้องรอ พ.ร.บ.งบประมาณมีผลบังคับใช้ก่อน ดังนั้นกว่าจะกู้ได้ก็น่าจะไตรมาส 2 (ม.ค.-มี.ค. 2563) โดยระหว่างนั้นช่วงไตรมาสแรก ซึ่งสามารถเบิกจ่ายได้เฉพาะงบฯประจำ ก็สามารถใช้เงินคงคลังไปก่อนได้” นายธีรัชย์กล่าว
ทั้งนี้ สิ่งที่น่าห่วงก็คือ ในช่วงดังกล่าวการออกพันธบัตรรัฐบาลอาจจะมีวงเงินไม่เพียงพอหล่อเลี้ยงตลาดพันธบัตรที่ปกติควรต้องมีวงเงินราวไตรมาสละ 1 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากมีการตั้งงบฯเบิกจ่ายเหลื่อมปี ก็สามารถกู้ชดเชยขาดดุลเหลื่อมปีได้ วงเงินราว 5-8 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนนี้ต้องรอกรมบัญชีกลางสรุปตัวเลขให้ชัดเจนก่อน นอกจากนี้ยังมีวงเงินบริหารหนี้เดิม (roll over) บางส่วนที่สามารถใช้ออกพันธบัตรหล่อเลี้ยงตลาดได้
อย่างไรก็ดี การจัดทำงบประมาณล่าช้าจะไม่กระทบการจัดทำแผนบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2563 โดยหากทราบว่า รัฐบาลจะตั้งงบฯชดเชยขาดดุลจำนวนเท่าใด ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนในเดือน ส.ค.แล้ว ก็สามารถเดินหน้าจัดทำแผนบริหารหนี้สาธารณะได้ทันที
“แผนบริหารหนี้ก็ยังเป็นไปตามกำหนดเดิม เพราะไม่อย่างนั้น รัฐวิสาหกิจก็จะกู้เงินลงทุนไม่ได้ ดังนั้น ถึง พ.ร.บ.งบประมาณจะยังไม่บังคับใช้ แผนบริหารหนี้ก็เดินหน้าได้” นายธีรัชย์กล่าว
ส่วนแผนบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2562 นั้น ได้ปรับปรุงครั้งที่ 2 เมื่อเร็ว ๆนี้ โดย ครม.อนุมัติปรับปรุงแผนที่วงเงินลดลงสุทธิ 1.7 หมื่นล้านบาท เหลือ 1.83 ล้านล้านบาท เป็นผลมาจากการก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาลลดลง
“ส่วนใหญ่เป็นการปรับลดวงเงินที่รัฐบาลจะกู้ในประเทศให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กู้ต่อ จำนวนกว่า 1.69 หมื่นล้านบาท ในส่วนที่เป็นรถไฟทางคู่ อย่างเส้นทางลงไปภาคใต้ที่ขุดเจอระเบิดสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 และรถไฟชานเมืองที่มีการขยายสัญญาออกไป” นายธีรัชย์กล่าว
ทั้งนี้มีรายงานว่า การกู้เงินของ ร.ฟ.ท.ที่ไม่เป็นไปตามแผนเดิม โดยวงเงินลดลงรวม 1.69 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ชะลอการกู้วงเงิน 6,899.70 ล้านบาท ออกไปเพื่อรอความชัดเจนของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินก่อน 2.โครงการก่อสร้างทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ที่เบิกจ่ายเงินกู้ล่าช้ากว่าแผนไป 4,242.85 ล้านบาท 3.โครงการก่อสร้างทางคู่ ช่วงนครปฐม-ชุมพร ที่เบิกจ่ายเงินกู้ล่าช้ากว่าแผนไป 6,214.89 ล้านบาท และ 4.โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง 3 แห่ง ปรับเพิ่มวงเงินกู้ 385.01 ล้านบาท