กลุ่มสื่อสารฉุดดัชนีหุ้นไทยร่วง นลท.เทขายหลังกระแสข่าวลือ JAS ขายกิจการ

แฟ้มภาพ

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นไทย (23 ก.ค.62) ว่า วันนี้ตลาดค่อนข้างนิ่งไม่ได้มีอะไรดูแย่ เพียงแต่ถูกหุ้นกลุ่มสื่อสารกดดัน โดยเซนติเมนต์โดยรวมเสียจากการเคลื่อนไหวของหุ้น JAS ปรับลดลงมา ซึ่งยังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด

แต่ต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้ปรับขึ้นไปมากจากความคาดหวังปันผลพิเศษ และข่าวลือว่าจะมีบริษัทจากเกาหลีรวมไปถึงบริษัทจากไทยสนใจที่อยากจะซื้อกิจการหรือควบรวมกับบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) แต่พอข่าวนี้ถูกชี้แจงหรือมีการทำความเข้าใจ นักลงทุนก็เริ่มผิดหวัง ดังนั้นจึงอาจจะมีส่วนหนึ่งเกิดแรงเทขายออกมา

แต่มีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือหุ้น JAS ก่อนหน้านี้มีวงเงิน Block Trade สูงมากขึ้นไปถึงประมาณ 2,500 ล้านบาท ซึ่งผิดปกติมากของหุ้นๆ หนึ่ง จึงเป็นความเสี่ยงส่วนหนึ่งที่พวง จึงมีความผันผวนสูง มีการตัดขาดทุน มีการ Force Sell

“พอ JAS พังลงมาก็เลยกลายเป็นดึงภาพรวมหุ้นกลุ่มสื่อสารแย่หมด กลุ่มสื่อสารวันนี้เลยกลายเป็นตัวถ่วงตลาดเยอะที่สุดที่ลดลง 3.2 จุด รองลงมาเป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นเอฟเฟคต่อเนื่องหลังจากที่ประกาศงบออกมาแล้วลดลงไป 0.7 จุด แบงก์ไหนที่มีโครงสร้างผลประกอบการที่ดูแย่ เช่น BBL, KBANK ก็จะถูกเทขาย

แต่ถ้าแบงก์ไหนที่ประกาศงบออกมาแล้วโครงสร้างงบไม่มีปัญหา เช่น SCB, KTB, TCAP ก็สามารถประคองตัวและปรับเพิ่มขึ้นได้ รองลงมาเป็นกลุ่มปิโตรเคมีลดลงไป 0.3 จุด เพราะว่าทิศทางผลประกอบการไตรมาส 2 ดูแย่ และก็อาจจะแย่ต่อเนื่องไปจนถึงครึ่งปีหลัง เพราะว่ากลุ่มปิโตรเคมีรวมไปถึงโรงกลั่น มีความเสี่ยงการปิดปรับปรุงซ่อมบำรุงโรงกลั่นในช่วงไตรมาส 4 เพื่อรองรับมาตรฐาน IMO ในต้นปีหน้า”

แต่อย่างไรก็ตามจะเห็นว่าวันนี้ ปิดตลาดที่ 1,724.87 จุด ปรับลดลง 2.71 จุด หรือ -0.16% มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 62,139.10 ล้านบาท AOT ฟื้นตัว และหุ้นค้าปลีกฟื้นตัว ซึ่งน่าจะรับกับความคาดหวังเรื่องการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ เช่นเดียวกับกลุ่มพลังงานฟื้นตัวน่าจะเป็นเรื่องของการเก็งราคาน้ำมันที่น่าจะดีดกลับขึ้นมาได้ เพราะมีความตึงเครียดจากทางช่องแคบฮอร์มุซ ดังนั้นภาพรวมตลาดจึงยังไม่ได้เห็นสัญญาณที่แย่

พรุ่งนี้คาดว่า (24 ก.ค.) กลุ่มหุ้นสื่อสารน่าจะมีเทคนิคอลรีบาวด์ ซึ่น่าจะเป็นตัวช่วยได้ โดยภาพรวมตลาดน่าจะแกว่งตัวดีขึ้น มองกรอบ 1,725-1,735 จุด ซึ่งน่าจะขยับเป็นบวกได้ในรอบ 3 วัน และปัจจัยที่ต้องติดตามในวันพรุ่งนี้คือ ภาพของเงินปอนด์หลังจากที่ได้ตัวนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ การประชุม ECB และรอติดตามการแถลงนโยบายของรัฐบาลไทยในวันพฤหัสบดีนี้ ส่วนสัปดาห์หน้าติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)