“ทิสโก้” หวั่นมาตรการกระตุ้นศก.เอาไม่อยู่ ปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า-ปรับเป้าจีดีพีเหลือ 2.9%

คมศร ประกอบผล
คมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้

ศูนย์วิเคราะห์ฯ ทิสโก้ปรับเป้าจีดีพีไทยปี’62 เหลือ 2.9% จากเดิมคาดโต 3.5% หลังเศรษฐกิจครึ่งแรกโตต่ำ ฟากครึ่งหลังเตรียมเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า “การลงทุนภาครัฐล่าช้า-ภัยแล้ง-ท่องเที่ยวชะลอ-สงครามการค้า” ชี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐหนุนการเติบโตครึ่งปีหลังไม่ไหว เหตุพึ่งพาเงินสถาบันการเงินรัฐสูง

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ หรือ TISCO ESU เปิดเผยว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงินรวม 3.16 แสนล้านบาท เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2562 นั้น TISCO ESU ประเมินว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวอาจช่วยหนุนเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ได้ไม่เต็มที่นัก เพราะเม็ดเงินส่วนใหญ่ 2.07 แสนล้านบาท เป็นการพึ่งพิงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินของรัฐฯ ซึ่งมีความไม่แน่นอนสูงในการเบิกใช้วงเงิน

ในขณะที่เม็ดเงินที่อัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยตรงอย่างการให้เงินช่วยเหลือค่าครองชีพ และเม็ดเงินกระตุ้นการท่องเที่ยวของคนในประเทศ รวมกันจำนวนประมาณ 4 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อจีดีพีราว 0.2% เท่านั้น ซึ่งอาจไม่เพียงพอที่จะหนุนให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวได้เกิน 3% ตามเป้าหมายของภาครัฐฯ ได้

สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.มาตรการบรรเทาค่าครองชีพ ผ่านบัตรสวัสดิการรัฐขยายระยะเวลาเพิ่มอีก 2 เดือน รวมถึงมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นของกองทุนหมู่บ้าน 2.มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร โดยช่วยลดดอกเบี้ยรวมถึงขยายเวลาชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรรายย่อย มาตรการปล่อยสินเชื่อ และโครงการช่วยเหลือเงินต้นทุนเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปี และ 3.มาตรการเพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ โดยสนับสนุนการบริโภคผ่านเงินช่วยเหลือการท่องเที่ยวในประเทศ ส่งเสริมการลงทุนผ่านการลดภาษีใช้จ่ายซื้อเครื่องจักร สนับสนุน SMEs ผ่านการให้สินเชื่อจากกองทุน และสถาบันการเงินของรัฐ รวมถึงส่งเสริมการปล่อยสินเชื่อบ้าน

“จะสังเกตได้ว่ามาตรการส่วนใหญ่จะใช้เม็ดเงินมาจากสถาบันการเงินของรัฐฯ ซึ่งแน่นอนว่าขั้นตอนการปล่อยสินเชื่อ และการลดดอกเบี้ยนั้น สถาบันการเงินต่างๆ จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้กระทบต่อธุรกิจในระยะยาว ดังนั้น อาจจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าเงินจะเข้าสู่ระบบ และมีความไม่แน่นอนสูงในการเบิกใช้วงเงิน” นายคมศรกล่าว

ดังนั้น ในช่วงครึ่งหลังของปี TISCO ESU คาดว่าจีดีพี (GDP) ของไทยจะขยายตัว 3.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) ซึ่งแม้จะดูดีขึ้นจากครึ่งปีแรกที่ขยายตัว 2.6% YOY แต่การขยายตัวที่เพิ่มขึ้นนี้ก็เป็นผลมาจากฐานที่ต่ำในช่วงปลายปีที่แล้ว ประกอบกับโมเมนตัมการขยายตัวของเศรษฐกิจยังนับว่าอ่อนแอลงในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งถูกกดดันจากสงครามการค้า รวมทั้งความเสี่ยงจากปัญหาภัยแล้ง การอนุมัติงบประมาณล่าช้า และการชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยว  TISCO ESU จึงประเมินว่าจีดีพีทั้งปี 2562 จะโตได้เพียง 2.9% YOY ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะทำได้ 3.5% YOY ส่วนในปี 2563 มองเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่ำต่อเนื่องที่ 3.1% YOY