วายแอลจี บูลเลี่ยน รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2562

บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2562

ปัจจัยพื้นฐาน

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 1.06 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาแกว่งตัวผันผวนในกรอบ ขณะที่ปัจจัยบวกหลักมาจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ หลังวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกม.หนุนประชาธิปไตยในฮ่องกงซึ่งส่งผลกระทบต่อการเจรจาการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ จนหนุนให้ราคาทองคำขึ้นไปแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,478.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างการซื้อขายช่วงบ่ายตามเวลาไทย ก่อนที่ทองคำจะอ่อนตัวลงโดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า มุมมองของกรรมการเฟดส่วนใหญ่ต่อเศรษฐกิจสหรัฐเป็นไปในเชิงบวก อย่างไรก็ดี ทองคำฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งหลัง Reuters รายงานว่า “การบรรลุข้อตกลงการค้า Phase one อาจเลื่อนออกไปเป็นปีหน้า” นั่นทำให้เกิดแรงซื้อกลับเข้าสู่ตลาดทองคำ ล่าสุดเช้ามืดวันนี้ตามเวลาไทย สภาผู้แทนฯสหรัฐผ่านร่างกม.หนุนประชาธิปไตยในฮ่องกงเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะส่งร่างกม.ดังกล่าวให้ปธน.ทรัมป์ลงนามต่อไป จึงแนะนำติดตามว่าปธน.ทรัมป์จะลงนามหรือไม่ และผลกระทบต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร รวมถึงติดตามการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตจากเฟดฟิลาเดลเฟีย, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก CB และยอดขายบ้านมือสอง

ปัจจัยทางเทคนิก

ราคาทองคำเกิดแรงขายให้อ่อนตัวลงหลังจากที่ดีดตัวขึ้นมา เบื้องต้นมีแนวต้านระยะสั้นที่ 1,480-1,484 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านไปได้ ประเมินว่าจะเกิดแรงขายกดดันมาเข้าใกล้ 1,466-1,463 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถยืนเหนือบริเวณแนวรับดังกล่าวได้หลายชั่วโมง มีแนวโน้มขึ้นทดสอบโซนแนวต้านอีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน

ราคาทองคำมีจุดเสี่ยงเปิดสถานะขายระยะสั้นในบริเวณ 1,480-1,484 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากยืน 1,484 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้) แต่หากราคาอ่อนตัวลงไปก่อนให้พิจารณาบริเวณ 1,466-1,463 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดเปิดสถานะซื้อ แต่หากหลุดโซนแนวรับ 1,456 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้ชะลอการเข้าซื้อเพื่อรอดูการตั้งฐานของราคา


คำแนะนำ พิจารณาโซน 1,480-1,484 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในการเสี่ยงเปิดสถานะขายเก็งกำไรระยะสั้น ขณะที่การเปิดสถานะซื้อจำเป็นต้องรอการอ่อนตัวลงจนราคาสามารถทรงตัวเหนือแนวรับ 1,466-1,463 ดอลลาร์ต่อออนซ์