บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 2 ธันวาคม 2562
ปัจจัยพื้นฐาน
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.82 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากตลาดสหรัฐปิดทำการเร็วกว่าปกติเนื่องในวัน Black Friday อย่างไรก็ดี ราคาทองคำได้โดยได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าสหรัฐและจีน หลังจีนประกาศจะดำเนินมาตรการตอบโต้การที่สหรัฐออกกฎหมายสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ขณะที่นายเกิง ฉวง โฆษกก.ต่างประเทศจีน ออกมาระบุว่า รัฐบาลจีนมีสิทธิ์ตัดสินว่าใครจะได้รับหรือไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศ ใครก็ตามที่เป็นบุคคลไม่พึงประสงค์จะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้ามาในประเทศนี้ ประกอบกับ Global Times รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า จีนยืนกรานให้สหรัฐยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนอันเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการค้า Phase one ส่วนคำมั่นของสหรัฐที่จะเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่ออกไปจากกำหนดเดิมในวันที่ 15 ธ.ค. นั้นไม่สามารถทดแทนการยกเลิกภาษีนำเข้าได้ ซึ่งจุดยืนที่แข็งกร้าวของจีนยิ่งสร้างความวิตกในหมู่นักลงทุนจนกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเช่นกันจึงเป็นปัจจัยหนุนทองคำเพิ่มเติม ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -0.88 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐจากมาร์กิตและ ISM รวมถึงการใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง
ปัจจัยทางเทคนิก
ราคาทองคำยังไม่สามารถยืนเหนือ 1,479 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ส่งผลให้แรงซื้อยังคงถูกจำกัด สำหรับวันนี้ประเมินแนวต้านระยะสั้นในโซน 1,466-1,471 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านไปได้แนวต้านสำคัญจะอยู่ในบริเวณ 1,479 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับนั้นยังประเมินในโซนคือ 1,452 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับถัดไปที่ 1,445 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน
การเข้าซื้อยังคงเน้นการเก็งกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว โดยเข้าซื้อเฉพาะเมื่อตลาดปรับตัวลงมาในบริเวณแนวรับ 1,452-1,445 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุน 1,445 ดอลลาร์ต่อออนซ์)ขณะที่การขายทำกำไรแนะนำพิจารณาในโซน 1,471-1,479 ดอลลาร์ต่อออนซ์
คำแนะนำ เก็งกำไรระยะสั้นตามกรอบราคา เปิดสถานะซื้อหากราคาสามารถยืนเหนือ 1,452-1,445 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และให้ทยอยขายทำกำไรหากราคายังไม่ยืนเหนือโซน 1,466-1,471 ดอลลาร์ต่อออนซ์