บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 9 ธันวาคม 2562
ปัจจัยพื้นฐาน
- วิธีลงทะเบียนแอป ทางรัฐ ยืนยันตัวตน รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- เปิด 20 อันดับโรงพยาบาลดีที่สุดในไทย ปี 2567
- แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท จุลพันธ์ แจงใช้จ่ายผ่านบัตรประชาชนได้
ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดดิ่งลง 15.92 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้นเกินคาดถึง 266,000 ตำแหน่งในเดือน พ.ย. และอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% ในเดือน พ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ทะยานขึ้นขานรับการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีเกินคาด ประกอบกับเกิดสัญญาณเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาการค้าจีนและสหรัฐ หลังจากจีนระบุว่า จะมีการยกเว้นภาษีถั่วเหลืองและเนื้อหมูบางส่วนที่นำเข้าจากสหรัฐ ขณะที่นายแลร์รี่ คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวเปิดเผยในวันศุกร์ว่า สหรัฐและจีน “ใกล้” ที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้า ขณะที่การเจรจาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ และไม่มีการกำหนดเส้นตายในการเจรจาการค้า ดังนั้น การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์บวกกับการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นแรงขายในตลาดทองคำ อย่างไรก็ดี นายคุดโลว์ ระบุเอาไว้ว่าวันที่ 15 ธ.ค.นี้เป็นวันสำคัญที่สหหุรัฐกำหนดจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มขึ้น จึงถือเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่นักลงทุนต้องจับตาเป็นพิเศษในสัปดาห์นี้ ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลง -2.34 ตัน สำหรับวันนี้ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิก
หากราคาทองคำปรับตัวลงมาพอเข้าใกล้โซนแนวรับ 1,453 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจมีแรงดีดกลับสั้นๆ เบื้องต้นอาจต้องระวังแรงขายกลับลงมาอีกครั้ง หากราคายังไม่มีแรงซื้อมากพอหรือมีปัจจัยใหม่มาดันราคาขึ้น โดยประเมินแนวต้านที่ 1,471-1,484 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน
เปิดสถานะขายหากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,471-1,484 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อรอทยอยปิดสถานะทำกำไรหากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,453-1,445 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับผู้ถือสถานะซื้อหากราคาหลุดแนวรับ 1,445 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ควรตัดขาดทุน
คำแนะนำ ชะลอการซื้อหากราคาหลุดโซน 1,445 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาดีดตัวขึ้นแนะนำเปิดสถานะขายในโซน 1,471-1,484 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากยืนเหนือ 1,484 ดอลลาร์ต่อออนซ์)