– ราคาน้ำมันดิบปรับลดหลังสถาบันสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ประกาศปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 ธ.ค. ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 822,000 บาร์เรล มากกว่าค่าระดับเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีราวร้อยละ 4 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับลดลงถึง 2.8 ล้านบาร์เรล
– นักลงทุนจับตาการตัดสินใจของสหรัฐฯ เรื่องการเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศจีนมูลค่า 160,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งครอบคลุมสินค้าประเภทวีดีโอเกมส์ จอคอมพิวเตอร์และเสื้อผ้า เป็นต้น หากมีการประกาศเพิ่มภาษีในรอบนี้ คาดว่าสงครามการค้าจะดำเนินต่อเนื่องตลอดทั้งวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เหลืออยู่ของนายโดนัลด์ ทรัมป์
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
+ กลุ่มประเทศโอเปก (OPEC) คาดปี 2563 อุปสงค์น้ำมันดิบของกลุ่มประเทศโอเปกอยู่ที่ 29.58 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่อุปทานโลกมีแนวโน้มตึงตัวกว่าที่คาดการณ์ก่อนหน้า หลังการผลิตน้ำมันดิบชั้นหินดินดาน (Shale) ของสหรัฐฯ และการลงทุนเพื่อขุดเจาะเพิ่มคาดว่าจะชะลอตัวลงต่อเนื่องถึงปี 2563
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานในเอเชียเหนือปรับเพิ่มขึ้นจากประเทศไต้หวันและญี่ปุ่น
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ อย่างไรก็ตาม ตลาดเอเชียโดยภาพรวมยังคงซบเซาเนื่องจากอุปทานล้นตลาด