ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าหลังเฟดส่งสัญญาณคงดอกเบี้ย ตลาดจับตาดูเทรดวอร์

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวของตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศระหว่างวันที่ 9-12 ธันวาคม 2562 สำหรับค่าเงินบาทเปิดตลาดวันจันทร์ (9/12) ที่ระดับ 30.34/36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดในวันศุกร์ (6/12) ที่ระดับ 30.32/34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งค่าขึ้นหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐ รายงานว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 266,000 ตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน จาก 156,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 1 เดือน และอยู่เหนือระดับคาดการณ์ ขณะที่อัตราการว่างงานประจำเดือนพฤศจิกายนปรับลดลงสู่ระดับ 3.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี โดยตัวเลขดังกล่าวช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินช่วงกลางสัปดาห์ สำหรับผลการประชุมนโยบายการเงินคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.50-1.75% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันถึง 3 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้เฟดยังได้ส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยนดอกเบี้ยตลอดทั้งปี 2563 ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อในระดับต่ำ โดยแถลงการณ์ของเฟดระบุว่า นโยบายการเงินในปัจจุบันมีความเหมาะสมสำหรับการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นระดับเป้าหมาย ขณะที่ช่วงปลายสัปดาห์ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลงหลังสื่อต่างประเทศหลายแห่งรายงานว่าประธานาธิบดีของสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้อนุมัติในหลักการแล้วสำหรับการทำข้อตกลงการค้าเฟดแรกกับจีน โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้จีนพ้นจากการถูกเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าวงเงินราว 1.60 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 15 ธันวาคมนี้

สำหรับปัจจัยในประเทศนั้น S&P Global Ratings ได้ปรับทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยสู่เชิงบวกจากเดิมมีเสถียรภาพ โดยมองว่าการมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งตอบสนองความคิดเห็นของประชาชนนั้น ถือเป็นการสนับสนุนเสถียรภาพทางการเมือง ขณะเดียวกันก็ระบุว่าเศรษฐกิจที่เปิดกว้างของไทยกำลังเผชิญกับแรงต้าน (headwinds) เนื่องจากความต้องการที่อ่อนแอในต่างประเทศ และเงินบาทที่แข็งค่า อย่างไรก็ดี ปัจจัยลบดังกล่าวได้รับการชดเชยด้วยตัวชี้วัดทางการคลังที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ทั้งนี้ค่าเงินบาทมีกรอบเคลื่อนไหวกรอบระหว่าง 30.14-30.37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดในวันศุกร์ (13/12) ที่ 30.18/20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับค่าเงินยูโรเปิดตลาดในวันจันทร์ (9/12) ที่ระดับ 1.1059/61 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (6/12) ที่ระดับ 1.1094/96 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยค่าเงินยูโรปรับตัวในระหว่างสัปดาห์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นหลังจากสถาบันวิจัย ZEW เปิดเผยผลสำรวจพบว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมนีเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 10.7 จาก -2.1 ในเดือนพฤศจิกายน ขณะที่ยอดส่งออกในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นเกินคาดที่ 1.2% ขณะที่ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% โดยเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.05% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% โดยระบุว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันหรือปรับลดลงจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะเข้าใกล้เป้าหมายของ ECB ขณะที่ ECB ยังคงเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยจะซื้อพันธบัตรในวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน โดยยังไม่ได้ระบุเวลายุติโครงการ ขณะที่นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ECB ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจของยูโรโซนปีนี้สู่ระดับ 1.2% จากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.1% แต่ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจในปี 2563 สู่ 1.1% จากเดิมที่ระดับ 1.2% นอกจากนี้ ECB ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปี 2563 ขึ้นอีก 0.1% โดยค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวในกรอบ 1.1050-1.1166 ดลลาร์สหรัฐ/ยูโรและปิดตลาดในวันศุกร์ (13/12) ที่ระดับ 1.1165/66 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

ค่าเงินเยนเปิดตลาดวันจันทร์ (9/12) เปิดตลาดที่ระดับ 108.6/62 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (6/12) ที่ระดับ 108.57/59 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงต้นสัปดาห์ญี่ปุ่นเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมา 3 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.4% จากระดับ 0.1% ในรายงานครั้งก่อน โดยในช่วงปลายสัปดาห์ค่าเงินเยนอ่อนค่าอย่างมาก หลังตลาดมีความหวังว่าสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกกันได้ก่อนว่าที่ 15 ธันวาคมนี้ ทั้งนี้ระหว่างสัปดาห์เคลื่อนไหวระหว่าง 108.41-109.65 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดในวันศุกร์ (13/12) ที่ระดับ 109.65/67 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ